• พิษณุโลก เป็นเมืองใหญ่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง มากมีไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและธรรมชาติของสายน้ำและป่าเขาที่สวยงามน่าท่องเที่ยว อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 377 กิโลเมตร
• จังหวัดพิษณุโลกมีพื้นที่ประมาณ 11,815 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ราบสลับป่าไม้ทางด้านตะวันออก นอกนั้นเป็นที่ราบลุ่มอยู่โดยทั่วไป มีแม่น้ำสำคัญคือ แม่น้ำน่านซึ่งไหลผ่านบริเวณตัวเมือง แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอคือ อำเภอเมือง อำเภอวังทอง อำเภอพรหมพิราม อำเภอบางระกำ อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอนครไทย อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอชาติตระการ และอำเภอเนินมะปราง
• ประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก หลักฐานการสร้างเมืองพิษณุโลกมีมาแต่พุทธศตวรรษที่ 15 สมัยขอมมีอำนาจปกครองแถบนี้ แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “เมืองสองแคว” เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำน่าน และแม่น้ำแควน้อย หรือบริเวณที่ตั้งของวัดจุฬามณีในปัจจุบัน เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1911 สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ ณ ตัวเมืองปัจจุบัน โดยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง
• สมัยอยุธยา เมืองพิษณุโลกทวีความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นเมืองกึ่งกลางระหว่างกรุงศรีอยุธยาและอาณาจักรฝ่ายเหนือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถทรงปฏิรูปการปกครองและได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2116 จนสิ้นรัชกาลในปี พ.ศ. 2131 ช่วงนั้นพิษณุโลกเป็นราชธานีแทนกรุงศรีอยุธยานานถึง 25 ปี หลังรัชสมัยของพระองค์พิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง เป็นหน้าด่านสำคัญที่จะสกัดกั้นกองทัพพม่า เมื่อครั้งพระนเรศวรมหาราชดำรงฐานะพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก ระยะนั้นไทยตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงรวบรวมชายฉกรรจ์ชาวพิษณุโลกกอบกู้อิสรภาพชาติไทยได้ในปี พ.ศ. 2127
• สมัยกรุงธนบุรี พิษณุโลกเป็นสถานที่ตั้งมั่นรับศึกพม่า เมื่อครั้งกองทัพของอะแซหวุ่นกี้มาตีเมืองพิษณุโลก ในปี พ.ศ. 2318 อะแซหวุ่นกี้ต้องเผชิญการต่อสู้อย่างทรหดกับเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ถึงขนาดต้องขอดูตัว และได้ทำนายเจ้าพระยาจักรีว่าต่อไปจะได้เป็นกษัตริย์
• สมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงดำริให้รื้อกำแพงเมืองพิษณูโลกเพื่อไม่ให้ข้าศึกใช้เป็นที่มั่น ครั้นถึงปี พ.ศ. 2437 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะเมืองพิษณุโลกขึ้นเป็นมณฑลเรียกว่า มณฑลพิษณุโลก ต่อมาเมื่อยกเลิกการปกครองแบบมณฑลแล้ว พิษณุโลกจึงมีฐานะเป็นจังหวัดเรื่อยมาจนปัจจุบัน
อาณาเขต
• ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
• ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตร
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดเลย
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดกำแพงเพชร
การเดินทาง
• รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงวังน้อยแล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วใช้เส้นทางสาย 117 ตรงสู่พิษณุโลก รวมระยะทาง 337 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด หรือจากสิงห์บุรี ใช้เส้นทางสายอินทร์บุรี-ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จนถึงทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ที่เขตอำเภอวังทอง เลี้ยวซ้ายไปอีก 17 กิโลเมตร เข้าสู่พิษณุโลกรวมระยะทางประมาณ 451 กิโลเมตร หากใช้เส้นทางที่ผ่านเพชรบูรณ์และหล่มสัก แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงหล่มสัก-พิษณุโลกระยะทางประมาณ 111 กิโลเมตร จะผ่านแหล่งท่องเที่ยวสองข้างทางหลายแห่ง
• รถโดยสาร จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบริการรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศไปยังพิษณุโลกตลอดวัน สอบถามรายละเอียด โทร. 537-8155, 936-2852 และที่สถานีขนส่งพิษณุโลก โทร. (055) 242431 รถประจำทางปรับอากาศ ติดต่อ พิษณุโลกยานยนต์ทัวร์ โทร. 936-2924-5 หรือ (055) 258647 เชิดชัยทัวร์ โทร. 936-1199 หรือ (055) 251414 วินทัวร์ โทร. 936-3753 หรือ (055) 243222
• นอกจากนี้ยังมีรถ บขส. บริการระหว่างพิษณุโลกกับจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก (แม่สอด) พิจิตร เพชรบูรณ์ และขอนแก่น ทุกวัน
• รถไฟ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดบริการรถด่วนพิเศษ (สปรินท์เตอร์) รถเร็ว และรถธรรมดา จากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลกทุกวัน สอบถาม หน่วยบริการเดินทาง โทร. 1691, 223-7111, 223-7121 สถานีรถไฟพิษณุโลก โทร. (055) 258115
• เครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด มีเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯและพิษณุโลกทุกวัน ใช้เวลาเดินทาง 51 นาที สอบถามกำหนดการเดินทาง โทร. 1566 ติดต่อสำรองที่นั่ง โทร. 281-1161 หรือ 628–2111 หรือที่สำนักงานพิษณุโลก โทร. (055) 258121, 258129
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่าง ๆ
อำเภอนครไทย 97 กิโลเมตร
อำเภอชาติตระการ 136 กิโลเมตร
อำเภอบางระกำ 17 กิโลเมตร
อำเภอบางกระทุ่ม 35 กิโลเมตร
อำเภอพรหมพิราม 41 กิโลเมตร
อำเภอวัดโบสถ์ 31 กิโลเมตร
อำเภอวังทอง 17 กิโลเมตร
อำเภอเนินมะปราง 75 กิโลเมตร
แผนที่จังหวัดพิษณุโลก
แผนที่ตัวเมืองพิษณุโลก
ข้อมูลท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยว อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก
• เสาหลักเมืองพิษณุโลก ประดิษฐานอยู่ภายในศาลหลักเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเมือง ออกแบบอาคารโดยกรมศิลปากร เป็นแบบยอดปรางค์ เสาหลักเมืองทำจากไม้มงคลหลายชนิด คือ จากโคนลำต้นถึงลูกฟัก ทำจากไม่ราชพฤกษ์ ท่อนลูกแก้วท่อนบนทำจากไม้ชิงชัน ส่วนยอดบัวตูมประกอบด้วยลูกแก้วทำจากไม้สักทองตายพราย และได้นำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพฯ
• วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเรียกขานกันว่า วัดใหญ่ หรือวัดพระศรี กันจนติดปาก แม้นพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานในวิหารคือ “พระพุทธชินราช” ชาวเมืองพิษณุโลกก็นิยมเรียกกันว่า “หลวงพ่อใหญ่” ตามไปด้วย วัดใหญ่นับเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญของจังหวัด เพราะเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเมืองและชาวไทยทั้งประเทศ ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองเมื่อปี พ.ศ. 1911 บาท ภายในวัดสิ่งโบราณสถานโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย อาทิ
• พระพุทธชินราช เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว และสูง 7 ศอก ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า ทีฒงฺคุลี
ซุ้มเรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลักสร้างในสมัยอยุธยา แกะสลักเป็นรูปมกร (ลำตัวคล้ายมังกร มีงวงคล้ายช้าง) อยู่ตรงปลายซุ้ม และตัวเหรา (คล้ายจระเข้) อยู่ตรงกลาง และมีเทพอสุราคอยปกป้ององค์พระอยู่ 2 องค์ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) แห่งกรุงสุโขทัย โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์เทพวรารามและวัดบวรนิเวศวิหารตามลำดับ
• บานประตูประดับมุก ที่ทางเข้าพระวิหารด้านหน้า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2299 เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมโกศ ตรงกลางประตูมีสันอกเลาประดับลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์ สองข้างเป็นลายกนกก้านแย่ง ช่วงกลางอกเลามีรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เรียกว่า “นมอกเลา” เป็นรูปบุษบก มีรูปพระอุณาโลมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ประดิษฐานบนบัลลังก์อยู่ในบุษบก สองข้างเป็นรูปชุมสายซึ่งเป็นเครื่องสูงชนิดหนึ่ง เป็นรูปฉัตรสามชั้น ใต้ฐานบุษบกมีหนุมานแบกฐานไว้ ส่วนเชิงล่างของอกเลาทำเป็นรูปกุมภัณฑ์ยืนถือกระบองท่าสำแดงฤทธิ์ ส่วนลวดลายบานประตูเป็นลายกนกที่มีภาพสัตว์หิมพานต์ เช่น ราชสีห์ คชสีห์ เหมราช ครุฑ กินรีรำ และภาพสัตว์อื่น ๆ และยังมีลาย “อีแปะ” ด้านละ 9 วงมัดนกหูช้างประกอบช่องไฟระหว่างวงกลม หรือวงกลมเป็นลายกรุยเชิง มีลายประจำยามก้ามปูประดับขอบรอบบานประตู เดิมบานประตูวิหารพระพุทธชินราชทำด้วยไม้สักแกะสลัก เมื่อทำบานประตูประดับมุกเสร็จแล้ว บานประตูเก่าได้นำไปประดับประตูวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์
• พระเหลือ พระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา มารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ส่วนอิฐที่ก่อเตาสำหรับหลอมทองได้นำมารวมกันบนฐานชุกชี พร้อมกับปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นบนชุกชี เรียกว่า โพธิ์สามเส้า ระหว่างต้นโพธิ์ได้สร้างวิหารน้อยขึ้นหนึ่งหลัง อัญเชิญพระเหลือกับพระสาวกไปประดิษฐาน เรียกว่า “วิหารพระเหลือ”
• พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติด้านหลังพระวิหาร สูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ. 1811 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3-4 ต้น เรียกว่า “เนินวิหารเก้าห้อง”
• พระปรางค์ประธาน ศิลปสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ เดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา
• วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เปิดทุกวัน เวลา 6.31-18.11 น. ส่วนพิพิธภัณฑ์ในวัดเปิดเวลา 8.31-16.31 น.
• วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ทางใต้ของวัดพระศรีมหาธาตุ พระอุโบสถมีลักษณะพิเศษคือ ที่ชายคาตกแต่งด้วยนาค 3 เศียร มีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม พิจารณาดูตามชื่อแล้ว วัดราชบูรณะน่าจะเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง เชื่อว่าเป็นสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เนื่องจากทรงประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลกถึง 25 ปี และทรงมีบทบาททางบำรุงพระศาสนาที่พิษณุโลกมากที่สุด
• วัดนางพญา ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชบูรณะ ถัดไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยเดียวกับวัดราชบูรณะ ต่างกันที่วัดนางพญาไม่มีพระอุโบสถมีแต่วิหาร วัดนี้มีชื่อเสียงในด้านพระเครื่อง เรียกว่า “พระนางพญา” ซึ่งเล่าลือกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันหาได้ยากมาก มีก็แต่ที่ได้สร้างจำลองขึ้นภายหลัง มีการพบกรุพระเครื่องครั้งแรกใน พ.ศ. 2444 และครั้งหลังเมื่อ พ.ศ. 2497
• วัดเจดีย์ยอดทอง ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองพิษณุโลก บนถนนพญาเสือ ทางเดียวกับวัดอรัญญิก ปัจจุบันเหลือเพียงเจดีย์ทรงดอกบัวตูมที่เป็นศิลปสุโขทัยเพียงองค์เดียวที่พบในพิษณุโลก เจดีย์มีฐานกว้างประมาณ 9 เมตร สูง 21 เมตร เฉพาะที่ยอดทรงดอกบัวตูมนั้น ได้เห็นรอยกระเทาะของปูนทำให้แลเห็นการเสริมยอดโดยการพอกปูนเพิ่มที่ยอดแหลมของดอกบัว
• วัดจุฬามณี ตั้ง อยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกไปทางใต้ตามถนนบรมไตรโลกนารถ ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานที่มีมาก่อนสมัยสุโขทัย เคยเป็นที่ตั้งของเมืองสองแควเก่า ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถทรงสร้างพระวิหารและเสด็จออกผนวชที่วัดนี้ เมื่อ พ.ศ. 2117 เป็นเวลา 8 เดือน 15 วัน โดยมีข้าราชบริพาร ออกบวชตามเสด็จถึง 2,348 รูป มีโบราณสถานสำคัญคือ ปรางค์แบบขอมขนาดย่อม ฐานกว้าง 11 เมตร ยาว 18 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง ด้านหน้าก่อเป็นแบบตรีมุข ตั้งบนฐานสูงซ้อนกันสามชั้น แต่ละชั้นย่อมุมไม้ยี่สิบ มีปูนปั้นประดับลวดลายตามขั้น ตอนล่างแถบหน้ากระดานและบัวหน้ากระดานเป็นลายหงส์ เหมือนกับองค์ปรางค์ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี สมัยที่ยังสมบูรณ์อยู่มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ใกล้เคียงกันมีมณฑปพระพุทธบาทจำลองซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้ สร้างขึ้น แผ่นจารึกหน้ามณฑปมีใจความสรุปได้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2221 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีพระบรมราชโองการให้ใช้ผ้าทาบรอยพระพุทธบาท สลักลงบนแผ่นหิน พระราชทานไว้เป็นที่กราบไหว้ของฝูงชน
• ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ซึ่งเป็นพระราชวังจันทน์มาก่อนในอดีต ตัวศาลเป็นศาลาทรงไทยโบราณตรีมุข พระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่ง พระหัตถ์ทรงพระสุวรรณภิงคารหลั่งน้ำในพระอิริยาบถประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง สร้างโดยกรมศิลปากร เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2414 มีการจัดงานสักการะพระบรมรูปในวันที่ 25 มกราคมของทุกปี
• เมื่อเดือนมีนาคม 2535 กรมศิลปากรได้ขุดค้นพบแนวเขตพระราชฐานพระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งนับว่าเป็นการขุดค้นทางโบราณคดีและทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของจังหวัด ในปัจจุบัน กรมศิลปากรได้กลบหลุมขุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานไว้ จนกว่าจะได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
• กำแพงเมืองคูเมือง เดิมเป็นกำแพงดินเช่นเดียวกับกำแพงเมืองสุโขทัย คาดว่าสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถเพื่อเตรียมรับศึกพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ได้โปรดให้ซ่อมแซมกำแพงเมืองอีกครั้งเพื่อเตรียมรับศึกพม่า ครั้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้ช่างฝรั่งเศสสร้างกำแพงใหม่โดยก่ออิฐให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้รื้อกำแพงเมืองและป้อมต่าง ๆ เสีย เพื่อไม่ให้พม่าซึ่งรุกรานไทยยึดเป็นที่มั่น กำแพงเมืองที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้คือ บริเวณวัดโพธิญาณ วัดน้อย และบริเวณสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก สำหรับคูเมือง พบเห็นได้ตามแนวที่ขนานกับถนนพระร่วง (หลังสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม)
• พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี (จ่าสิบเอกทวี-พิมพ์ บูรณเขตต์) ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลก เป็นที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านในอดีต ตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ จนถึงชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ
เช่น เครื่องวิดน้ำด้วยมือ เครื่องสีข้าว เครื่องมือดักจับสัตว์ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประเภทหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เมื่อปี 2541
จ่าสิบเอก ดร. ทวี บูรณเขตต์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ เป็นผู้ที่มีฝีมือในทางประติมากรรม และได้รับการเชิดชูเกียรติมากมาย ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น “บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือ แขนงช่างหล่อ” ประจำปี 2526 และได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมทั้งการประกาศเกียรติคุณเป็น “คนดีศรีพิษณุโลก”
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม ตั้งแต่เวลา 8.11–16.31 น. โทร. (055) 212749, 258715 ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ เป็นโรงหล่อพระบูรณะไทย ติดต่อเข้าชมการหล่อพระล่วงหน้า โทร. (055)258715
• หอศิลปและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยนเรศวร ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนสนามบิน) ถนนสนามบิน อำเภอเมือง จัดตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปกว่าร้อยชิ้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย อาทิ สวัสดิ์ ตันติสุข พูน เกษจำรัส ประยูร อุลุชาฎะ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประเทือง เอมเจริญ และชวลิต เสริมปรุงสุข เป็นต้น และยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับ วิถีชุมชนภาคเหนือตอนล่าง จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องมือทำมาหากินต่าง ๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ระหว่างเวลา 9.11–18.11 น. โทร. (055) 231721
• พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดแสดงที่ชั้นสองของอาคารเอนกประสงค์ในมหาวิทยาลัยนเรศวร (ทุ่งหนองอ้อ) ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ จัดแสดงผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า ที่นำมาจากแหล่งต่าง ๆ ของประเทศไทยและต่างประเทศ มีบริการข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยและเอกสารเกี่ยวกับการผลิต การศึกษาเรื่องผ้าประเภทต่าง ๆ รวมทั้งจัดแสดงชุดฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถซึ่งพระราชทานแก่มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ในวันและเวลาราชการ (จันทร์-ศุกร์ 9.11–15.11 น.) โทร. (055) 261111-4
ข้อมูลท่องเที่ยว อ.วัดโบสถ์ : อ.ชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก
อำเภอวัดโบสถ์
• อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว ครอบคลุมพื้นที่ป่าเขาในเขต 4 อำเภอของพิษณุโลก คือ วังทอง วัดโบสถ์ นครไทย และชาติตระการ เป็นแหล่งต้นน้ำหลายสายที่ไหลลงสู่ลำน้ำแควน้อย แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯคือ น้ำตกแก่งเจ็ดแคว อันเป็นที่รวมของธารน้ำสายย่อย ๆ จำนวน 7 สาย การเดินทางจากพิษณุโลก ใช้เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก 6 กิโลเมตร แยกซ้ายไปอำเภอวัดโบสถ์ (ทางหลวงหมายเลข 11) ประมาณ 25 กิโลเมตร ก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย มีทางแยกขาวไปบ้านนาขามอีก 15 กิโลเมตร เดินทางต่อไปอีก 9 กิโลเมตรถึงอุทยานฯ (เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง)
• เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ มีพื้นที่กว่า 81,111 ไร่ ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2541 ที่ตั้งสำนักงานเขตฯตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านป่าคาย หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านนายาง อำเภอวัดโบสถ์ ห่างจากตัวเมือง 45 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว จากพิษณุโลกเดินทางไปอำเภอวัดโบสถ์ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 11 อีก 25 กิโลเมตร ก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อยมีทางแยกไปบ้านนาขามตามเส้นทาง 1221 อีก 8 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางเข้าเขตห้ามล่าฯอีก 6 กิโลเมตร เป็นทางลูกรังและมีจุดที่ต้องขับผ่านธารน้ำไหล จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อในช่วงฤดูฝน
เขาน้อย-เขาประดู่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 111-511 เมตร ประกอบด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า มีความหลากหลายทางด้านพืชพรรณ มีดอกไม้ตามฤดูกาลที่สวยงามคือดอกกระเจียวและกล้วยไม้ และยังเป็นแหล่งค้นพบปูพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า ปูแป้ง หรือ ปูสองแคว เหมาะแก่การท่องเที่ยวทัศนศึกษาเชิงนิเวศในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม ผู้สนใจเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางเขตฯได้ทำไว้หรือติดต่อพักแรม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเขตได้โดยตรงหรือติดต่อล่วงหน้าที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ หมู่ 2 ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 65111
• อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีชื่อเรียกตามชาวบ้านว่า น้ำตกปากรอง ตั้งอยู่ที่บ้านปากรอง ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 145 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากในจังหวัดพิษณุโลก มีถึง 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความงดงามต่างกันออกไป และตั้งชื่อตามนามธิดาท้าวสามลในวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทอง โดยเฉพาะชั้นที่ 3 และ4 น้ำตกจากหน้าผาสูงประมาณ 11 เมตร แผ่เป็นฝอยกระจายทั่ว ชั้นที่เป็นแอ่งใหญ่ที่สุดคือ ชั้นที่ 1 การปีนเขาเพื่อขึ้นชมน้ำตกทั้งเจ็ดชั้นน่าสนุกมาก บางตอนก็เป็นที่สูงชันต้องอาศัยเถาวัลย์ห้อยโหนขึ้นไป บางตอนเป็นช่องแคบ ๆ ต้องเอียงตัวเดิน บางตอนก็ต้องคลาน แต่เมื่อไปถึงบริเวณน้ำตกแล้วจะหายเหนื่อยทันที
• การ เดินทางไปน้ำตกชาติตระการนั้น หากเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวให้ใช้เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เมื่อถึง กม. ที่ 68 (บ้านแยง) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 2113 ซึ่งเป็นเส้นทางสู่อำเภอนครไทยประมาณ 29 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอชาติตระการไปอีกประมาณ 38 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาอีก 11 กิโลเมตรก็จะถึงน้ำตก หากเดินทางโดยรถประจำทางให้ขึ้นรถสายพิษณุโลก-ชาติตระการที่สถานขนส่ง พิษณุโลก รถออกวันละ 7 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 6.11-16.31 น. เมื่อถึงอำเภอชาติตระการแล้วต่อรถสองแถวชาติตระการ-บ้านนาดอนเข้าไปยังน้ำตก
• อุทยานฯมีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว ติดต่อได้ที่กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ หรือที่อุทยานฯได้โดยตรง และสามารถนำเต็นท์มากางเอง
• อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอ. ชาติตระการ จ.พิษณุโลก และ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณที่สูงที่สุดคือ ยอดภูสอยดาว สูงถึง 2,112 เมตร อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี สภาพป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่เคยเป็นที่ทำกินของชาวเขาเผ่าม้ง แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯได้แก่ ป่าสน ทุ่งดอกไม้ หน้าผาจุดชมวิว น้ำตกสายทิพย์ และน้ำตกภูสอยดาว พื้นที่ป่าสนสามใบ เหมาะแก่การมาเที่ยวชมในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เนื่องจากจะพบเห็นทะเลหมอกและดอกไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกหงอนนาคขึ้นอยู่ทั่วไป และกล้วยไม้ป่าตามคาคบไม้ใหญ่ ระยะทางเดินทางจากเชิงเขา 6.5 กิโลเมตร บางช่วงเป็นเส้นทางชัน ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง มีสถานที่กางเต็นท์และห้องสุขาบริการ
การเดินทาง
• รถส่วนตัว 1. ใช้เส้นทาง พิษณุโลก-อ.วัดโบสถ์-บ้านโป่งแค-อ.ชาติตระการ-ภูสอยดาว ระยะทาง 177 กิโลเมตร 2. ใช้เส้นทางพิษณุโลก-บ้านแยง-อ.นครไทย-อ.ชาติตระการ-ภูสอยดาว ระยะทางรวม 154 กิโลเมตร
• รถโดยสาร / รถไฟ 1. เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก แล้วต่อรถโดยสารไปอำเภอชาติตระการ และโดยสารรถสองแถวสายชาติตระการ-บ้านร่มเกล้า รถออกทุกชั่วโมง ระหว่างเวลา 9.11-16.11 น. จากนั้นต้องจ้างเหมารถจากบ้านร่มเกล้าไปยังอุทยานฯ หรือจะเช่าเหมาจากอำเภอชาติตระการไปยังอุทยานฯเลยก็ได้ ราคาประมาณ 511 บาทต่อเที่ยว 2. เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจาก กรุงเทพฯ ไปอุตรดิตถ์ ต่อรถโดยสารที่ตลาดต้นโพธิ์หรือหอนาฬิกาไปอำเภอน้ำปาด ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ลงรถที่หน้าโรงพยาบาลอำเภอน้ำปาด และเหมารถสองแถวไปภูสอยดาว ราคาประมาณ 311 บาท ใช้เวลาเดินทางอีก 3 ชั่วโมง (เป็นเส้นทางคดโค้งผ่านภูเขา)
• บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีบ้านพักรับรอง 3 หลัง ติดต่อล่วงหน้า โทร. (055)419234 หรือที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ 53111 การพักค้างแรมบนลานสน ต้องนำเต็นท์มาเอง ติดต่อลูกหาบได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ข้อมูลท่องเที่ยว อ.วังทอง : อ.เนินมะปราง : อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก
อำเภอวังทอง
• วัดราชคีรีหิรัญยาราม ตั้งอยู่ที่บ้านสมอแคลง ในเขตอำเภอวังทอง เดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหมายเลข 12 (เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก) ประมาณ 14 กิโลเมตร (ก่อนถึงอำเภอวังทอง 3 กิโลเมตร) มีทางแยกซ้ายไปอีก 511 เมตร บนเขาสมอแคลงมีสระน้ำเรียกว่า “สระสองพี่น้อง”มีน้ำตลอดปี คนโบราณจึงได้สร้างวัดไว้ถึง 7 วัด แต่บัดนี้ร้างไปหมดแล้ว สำหรับวัดราชคีรีหิรัญยารามหรือวัดพระพุทธบาทเขาสมอแคลงนี้ เดิมเป็นวัดร้าง และมีพระสงฆ์มาจำพรรษาเพื่อ พ.ศ. 2496 ในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และบนเขาซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของวัดมีรอยพระบาทตะแคงอยู่กับหน้าผา มีงานนมัสการพระพุทธบาทในกลางเดือน 3 เป็นประจำทุกปี
• เมื่อ ประมาณต้นปี พ.ศ. 2535 ได้มีการอัญเชิญพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งแกะสลักจากหินทะเลสาบหยกขาวจากเมืองหางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นปางพิเศษที่ได้รับอนุมัติให้สร้างโดยรัฐบาลจีนโดยใช้ต้นแบบจากวัดเจ้า แม่กวนอิมพันมือเมืองหางโจว มีขนาดสูง 3 เมตร หนัก 3 ตัน มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
• น้ำตกวังนกแอ่นหรือสวนรุกชาติสกุโณทยาน ตั้งอยู่ที่บริเวณ กม. 33 ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) แยกขวาไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กในลำธารวังทอง อันมีต้นกำเนิดมาจากลำน้ำเข็ก บริเวณทั่วไปร่มรื่นด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มีป้ายชื่อต้นไม้กำกับไว้ ด้านทิศตะวันตกมีพลับพลาสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2511 ด้านทิศตะวันออกมีศาลาริมน้ำ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเตนรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง ก่อนถึงตัวน้ำตก 511 เมตรมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปยังแก่งไทร ซึ่งเป็นแก่งหินคั่นกลางลำน้ำเป็นขั้น ๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
• น้ำตกแก่งซอง อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 กม.45 มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกสกุโณทยาน มีร้านค้า บ้านเรือนต่าง ๆ ตั้งอยู่ริมน้ำตก
• น้ำตกปอย ระหว่าง กม. ที่ 59-61 ทางหลวงหมายเลข 12 มีทางแยกไปน้ำตกปอยอีก 2 กิโลเมตร บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สภาพโดยรอบร่มรื่นเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
• น้ำตกแก่งโสภา เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก อยู่บริเวณกม.ที่ 71-72 มีทางแยกเข้าไป 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ในลำน้ำเข็ก มีความสูงราว 41 เมตร สภาพโดยรอบร่มรื่น ตอนบนเป็นแผ่นหินเรียบ ส่วนตอนล่างเป็นโขดหินใหญ่ ในช่วงฤดูน้ำหลากสายน้ำจะไหลเชี่ยวกราก ส่วนในช่วงที่น้ำน้อยจะแลเห็นน้ำตกไหลลดหลั่นเป็นชั้นต่าง ๆ 3 ชั้น ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับชาวไทยคนละ 11 บาท
• อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีพื้นที่ 789,111 ไร่ ในท้องที่จังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2518 สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เป็นต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ กม. 81 เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก นักท่องเที่ยวสามารถขอข้อมูลเดินทางศึกษาธรรมชาติ รวมทั้งใช้บริการที่พักและกางเต็นท์พักแรมได้
• แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกต่าง ๆ บนเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เช่นน้ำตกแก่งโสภา น้ำตกวังนกแอ่น ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันออกและตอนกลางของอุทยานฯ ในเขตอ.เขาค้อ จ,เพชรบูรณ์ เป็นบริเวณป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันนา ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งพญา ทุ่งโนนสน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเดินป่าและกางเต็นท์พักแรม สามารถติดต่อได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.8 (หน่วยฯหนองแม่นา)
• การเดินทางไปหน่วยฯ หนองแม่นา
• รถส่วนบุคคล จากบ้านแค้มป์สนที่ กม.111 เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก แยกไปตามทาง 2196 ทางไปเขาค้อ จนถึงตลาดพัฒนา เลี้ยวขวาเข้าทาง 2325 จนถึงบ้านทานตะวัน มีทางไปหน่วยจัดการอุทยานฯ (หนองแม่นา) อีก 3 กิโลเมตร รวมระยะทางจากบ้านแค้มป์สน 35 กิโลเมตร
• รถโดยสาร จากสถานีขนส่งพิษณุโลกโดยสารรถประจำทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก ลงรถที่บ้านแค้มป์สน (กม.111) จากนั้นจ้างเหมารถสองแถวที่ปากทางแค้มป์สนไปยังหน่วยฯหนองแม่นา หรือเช่ารถสองแถวจากบริษัทรถเช่าในพิษณุโลกไปยังหน่วยฯหนองแม่นาเลยก็ได้
อำเภอเนินมะปราง
• ถ้ำบ้านมุง บ้านมุงถือเป็นดินแดนแห่งถ้ำอย่างแท้จริง ภูมิประเทศบ้านมุง ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ยอดตะปุ่มตะป่ำดูแปลกตา เกิดถ้ำน้อยใหญ่มากมาย ผู้ที่มาเที่ยวถ้ำที่บ้านมุงควรแวะมาที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำเดือนถ้ำดาวก่อน เพื่อขอคำแนะนำในการเที่ยวถ้ำต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
• ถ้ำเดือน-ถ้ำดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทางด้านทิศตะวันตก ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.6 บ้านมุง มีลักษณะเป็นถ้ำน้ำลอด ทางขึ้นปากถ้ำเป็นธารน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ซึ่งต้องปีนป่ายขึ้นไป ในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงที่มีธารน้ำไหลผ่าน มีความยาว 1.4 กิโลเมตร สวยงามด้วยหินงอกหินย้อย ช่วงที่เหมาะแก่การชมถ้ำคือ ในช่วงฤดูแล้ง และต้องนำไฟฉายติดตัวไปด้วย ช่วงฤดูฝนไม่เหมาะแก่การเที่ยวชมเนื่องจากปริมาณน้ำมากและอันตราย การเดินทาง จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 12 พิษณุโลก-วังทอง แยกขวาเข้าทางหลวงสาย 11 ไปสากเหล็ก และแยกซ้าย 1115 ไปตัวอำเภอเนินมะปราง และเดินทางต่ออีก 6 กิโลเมตรถึงบริเวณถ้ำ รวมระยะทางห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร
• เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงอำเภอวังทองระยะทาง 21 กิโลเมตร แยกขวาไปยังอำเภอสากเหล็กอีก 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง 1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 11 กิโลเมตร เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง ในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
• พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่ง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนนับหลายล้านปี เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมายทั่วบริเวณ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอข้อมูลได้เจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางมาถึงยังสำนักงานเขต การเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ ต้องนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ หากต้องการพักค้างแรมหรือทัศนศึกษาเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้าได้ที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล หมู่ 6 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก 65191
• อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ครอบคลุมพื้นที่ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน
• ภูหินร่องกล้าเคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่กระจายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปสู่เขาค้อ ภูขัด และภูเมี่ยง จนเกิดเป็นปัญหาความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเหตุการณ์สงบลงในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ได้มีการตัดเส้นทางผ่านใจกลางภูหินร่องกล้าและจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้น จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือตอนล่างในปัจจุบัน
แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่
• พิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวการใช้ชีวิต และการสู้รบของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) รวมทั้งจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธต่าง ๆ
• ทางเดินโลกที่สาม เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ผ่านภูมิทัศน์ที่สวยงาม และสถานที่สำคัญของ พคท. ได้แก่ สำนักอำนาจรัฐ เป็นสถานที่ดำเนินการทางการปกครอง พิจารณาลงโทษผู้กระทำผิด มีคุก สถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล ที่หลบภัยทางอากาศ เป็นโพรงถ้ำกว้างขวางจุคนได้กว่า 211 คน ผาชูธง เป็นจุดที่คอมมิวนิสต์ชักธงแดงทุกครั้งที่รบชนะลานหินปุ่ม เต็มไปด้วยหินปุ่มตะป่ำเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา เกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ เคยใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้
• โรงเรียนการเมือง การทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 6 กิโลเมตร เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ร่มไม้แน่นทึบ ประมาณ 31 หลัง กระจายอยู่ภายใตัผืนป่ารกทึบ ในบริเวณใกล้เคียงยังมี สุสานทหาร และกังหันน้ำสำหรับสีข้าว
• น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ห่างจากโรงเรียนการเมืองประมาณ 611 เมตร มีทางแยกเดินลงน้ำตกร่มเกล้าก่อน จากนั้นเดินลงไปประมาณ 211 เมตร จะเป็นน้ำตกภราดร ที่เกิดจากลำธารเดียวกัน
• ลานหินแตก เป็นลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก ตามซอกหินพบไม้ประเภทมอสส์ ไลเคน เฟิร์น และกล้วยไม้
• น้ำตกศรีพัชรินทร์ ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารจากค่ายศรีพัชรินทร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นทหารหน่วยแรกที่ขึ้นมาบนภูหินร่องกล้า น้ำตกศรีพัชรินทร์มีความสูงประมาณ 21 เมตร มีแอ่งใหญ่ที่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ
• น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกที่มีชั้นต่าง ๆ รวม 32 ชั้น เกิดจากห้วยน้ำหมัน ซึ่งมีน้ำตลอดปี อยู่บนเส้นทางสายภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า กม. 18 มีทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกอีก 3.5 กิโลเมตร
การเดินทาง
• รถส่วนบุคคล จากพิษณุโลกใช้เส้นทางหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เลี้ยวซ้ายที่บ้านแยง กม. 68 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2113 ไปอีก 28 กิโลเมตร ถึงอำเภอนครไทย แล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2331 ไปภูหินร่องกล้าอีก 31 กิโลเมตร
• นอกจากนี้ภูหินร่องกล้ายังสามารถเข้าถึงได้จากด้านจังหวัดเพชรบูรณ์โดยใช้เส้นทางหล่มเก่า-ทับเบิก-ภูหินร่องกล้า แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างสูงชัน และคดเคี้ยวมาก เหมาะเป็นทางลงมากกว่า
• หมาย เหตุ - การเดินทางขึ้นและลงภูหินร่องกล้าทั้งสองเส้นทาง ควรใช้รถยนต์ที่มีกำลังสูงตรวจเช็คสภาพ คลัตช์ และเบรก ให้อยู่ในสภาพที่ดีมาก และต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้รถบัสใหญ่ขึ้นภูหินร่องกล้านั้นไม่เหมาะสมเนื่องจากเส้นทางคดเคี้ยว และสูงชัน ควรเปลี่ยนเป็นรถตู้จะสะดวกกว่า
• รถโดยสาร / รถไฟ เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก แล้วต่อรถโดยสารสายพิษณุโลก-นครไทย รถจะออกจากสถานีขนส่งพิษณุโลกทุก 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 6.11 - 18.11 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถสองแถวเล็กสายนครไทย-ภูหินร่องกล้า ซึ่งมีบริการวันละ 4 เที่ยว ระหว่างเวลา 8.11-15.31 น. ใช้เวลา 45 นาที หากเหมารถไป-กลับ คิดราคาประมาณ 611 บาทต่อวัน
• บริการ รถเช่าขึ้นภูหินร่องกล้า นอกจากบริการรถสองแถวที่อำเภอนครไทยแล้ว หากนักท่องเที่ยวต้องการความสะดวกสบายอาจเช่ารถตู้ปรับอากาศจากตัวเมือง พิษณุโลกไปภูหินร่องกล้าโดยตรง
• ที่พักของอุทยานมีทั้งแบบเต็นท์และบ้านพัก ติดต่อสอบถามได้ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 579–7223, 579–5734
อุทยานแห่งชาตทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก
• อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอวังทองอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก อำเภอเมือง อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสภาพธรรมชาติ ทิวทัศน์และลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแหล่ง เช่น ถ้ำ น้ำตก ทุ่งหญ้า อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 1,262.55 ตารางกิโลเมตร หรือ 789,000 ไร่ ได้ประกาศจัดตั้งเป็น "อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง" เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2506
ลักษณะภูมิประเทศ
• พื้นที่อุทยานแห่งชาตินี้มีลักษณะเป็นภูเขาคล้ายหลังเต่าสูง ๆ ต่ำ ๆ ทางด้านตะวันตกเป็นเทือกเขาหินปูนทอดเป็นแนวยาวตามทิศเหนือ - ใต้ ตอนกลางประกอบด้วย เทือกเขาสูงหลายแห่ง มีจุดสูงสุดคือ บริเวณเขาแค สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,028 เมตร ทำให้บริเวณนี้ เป็นต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยเข็กใหญ่ ห้วยเข็กน้อย ลำน้ำทุ้ม คลองชมภู และคลองวังทอง เป็นต้น
ลักษณะภูมิอากาศ
• ในระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน เป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 29 องศาเซลเซียสฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคม- ตุลาคม มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 1,700 มิลลิเมตรต่อปี และในฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ โดยทั่วไปอากาศจะหนาวเย็นมากเหมาะแก่การไปท่องเที่ยว
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
• สภาพป่าประกอบด้วย ป่าดิบเขา ดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ไม้สนสองใบ ไม้ก่อ ยาง ตะเคียน มะม่วงป่า แดงน้ำ มะค่า สัก เก็ดแดง เก็ดดำ ประดู่ เป็นต้น และทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ มีสนและไม้ดอกขึ้นสลับอยู่
• สัตว์ป่าประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ ช้าง เสือ กวาง เก้ง ลิง ค่าง หมูป่า กระต่าย และนกชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ในฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ โดยทั่วไปอากาศจะหนาวเย็นมากเหมาะแก่การไปท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยว
• น้ำตกแก่งโสภา เป็นน้ำตกกำเนิดจากลำห้วยเข็กใหญ่ ตั้งอยู่ห่างจากหลวงสายพิษณุโลก - หล่มสัก กิโลเมตรที่ 68 เพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น น้ำตกแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากมีความสวยงามตามธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก
• สะพานแขวน ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณข้างทางจะตัดผ่านป่าตลอดเส้นทางมีความร่มรื่นเหมาะแก่การสัมผัสมากที่สุด
• ทุ่งแสลงหลวง เป็นทุ่งหญ้าแบบสวันนา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 60 กิโลเมตร สภาพพื้นที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ตามเส้นทางจะตัดผ่านป่าเบญจพรรณจะพบสัตว์ป่าออกมาหากินตามข้างทางเป็นประจำ และพันธุ์ไม้ดอกมากมายนอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้าแบบ สวันนาสลับกับป่าสนสองใบอีก 2 แห่ง คือ ทุ่งหญ้าเมืองเลนและทุ่งโนนสน ตามเส้นทางเดียวกับทางเข้าทุ่งแสลงหลวง
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
• การเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สามารถเข้าได้หลายทาง ทางที่สะดวกที่สุดคือ จากจังหวัดพิษณุโลกใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข12สายพิษณุโลก - หล่มสัก ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
การติดต่อ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
• ตู้ ปณ. 64 อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65120 โทรศัพท์ : (6612) 268019
อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว จังหวัดพิษณุโลก
• อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว ครอบคลุมพื้นที่วนอุทยานแก่งเจ็ดแคว ป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย (กฎกระทรวงฉบับที่ 704 พ.ศ. 2517) ในท้องที่ตำบลบ้านยาง ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ป่าสงวนแห่งชาติป่าสวนเมี่ยง (กฎกระทรวง ฉบับที่ 1,158 พ.ศ. 2529) ท้องที่ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง (กฎกระทรวง ฉบับที่ 977 พ.ศ. 2525) ในท้องที่ ตำบลหนองกระยาง ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย , ตำบลบ้านกลาง ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พื้นที่ประมาณ 287 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 179,375 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
• ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเทือกเขายาวสลับซับซ้อน มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
• สภาพป่าโดยทั่วไปประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง หนาแน่นด้วยพรรณไม้ที่สำคัญและมีค่าทางเศรษฐกิจ นานาชนิด เช่น สัก มะค่าโมง แดง ประดู่ ตะเคียน ยาง ฯลฯ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ เช่น เก้ง หมูป่า ลิง ค่าง อีเห็น เม่น กระต่าย นกมากมายหลายชนิด งูชนิดต่าง ๆ ตะกวด โดยเฉพาะสัตว์น้ำจำพวกปลามีมากหลายชนิด
สถานที่ท่องเที่ยว
• แก่งเจ็ดแคว เป็นแนวหินอยู่ในลำน้ำแควน้อย ฤดูน้ำหลากที่กระแสน้ำไหลแรงจะมีเสียงน้ำ กระทบโขดหินดังกึกก้อง ฤดูแล้งน้ำน้อยแต่ใสจะมองเห็นแนวหินโขดหิน
• แก่งลานกลอย เป็นแนวพื้นหินกว้างกวางลำน้ำแควน้อย
• แก่งคันนาน้อย , แก่งโจน ซึ่งอยู่แนวเดียวกับแก่งเจ็ดแคว
• แก่งบัวดำ ซึ่งเป็นแก่งที่สวยอีกแห่งหนึ่งอยู่ระหว่างป่าเขากระยาง ป่าสวนเมี่ยง
• เส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ แก่งเจ็ดแคว และบริเวณลำน้ำสามารถล่องแพได้
• จุดชมวิวทิวทัศน์บนลานเขามะเขือ ซึ่งจะเห็นสภาพป่าและมีลำน้ำแควน้อยไหลผ่ากลาง รวมทั้งจะเห็นแก่งต่าง ๆ มากมายด้วย ในฤดูแล้ง
• น้ำตก 9 ชั้น ในป่าเขากระยาง ซึ่งสวยงามมากในฤดูฝน
• น้ำตก 5 ชั้น อยู่ห่างจากน้ำตก 9 ชั้น ประมาณ 500 เมตร สามารถทำเป็นเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติได้อีกแห่งหนึ่ง
สิ่งอำนวยความสะดวก
• อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว ได้จัดสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
• การเดินทางไปยังพื้นที่ที่จะกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติสามารถเข้าได้หลายทาง โดยทางหลวง หมายเลข 1 (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์) แยกเข้าบ้านนาขามที่อำเภอวัดโบสถ์ ระยะทางประมาณ 51 กม. ทางหลวงหมายเลข 12 แยก (พิษณุโลก-หล่มสัก) แยกเข้าบ้านทรัพย์ไพวัลย์ ระยะทาง 95 กม. ส่วนระยะทางจากพิษณุโลกถึงแก่งขังดำ ซึ่งเหมาะที่จะตั้งสำนักงานที่ทำการอุทยานแห่งชาติเป็นระยะทาง 97 กม. ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 450 กม.
การติดต่อ อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว
• ต.แก่งโสภา,อ. วังทอง จ. พิษณุโลก 65220 โทรศัพท์ : 01 - 962-3578
อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก
• อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกสภาพทั่วไปเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นต้นว่า น้ำตกชาติตระการ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “น้ำตกปากรอง” เพราะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากรอง หน้าผาสูงชันที่มีสีสันผิดแปลกกันเป็นร่องรอยของศิลปะ ยุคแรกของมนุษย์ คือ รอยแกะสลักกับแผ่นดินและจุดชมวิวทิวทัศน์บนยอดเขาสูง ๆ มีเนื้อที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร หรือ 339,375 ไร่ ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็น "อุทยานแห่งชาตินำตกชาติตระการ" เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2530
ลักษณะภูมิประเทศ
• สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำภาค แม่น้ำแควน้อย ภูเขาหินทรายโดยเฉพาะหน้าผาบริเวณ น้ำตกเพราะเกิดจากการเรียงตัวของชั้นหินประเภทหินทรายที่ทับถมกันมาเป็นเวลา นาน ดินเป็นดินทรายเพราะต้นกำเนิดของดินบริเวณนี้คือ หินทราย
ลักษณะภูมิอากาศ
• โดยทั่วไปอากาศเย็นสบายดี ฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 25-29 องศาเซลเซียส ฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม และฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์อากาศจะหนาวมากในเวลากลางคืน
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
• สภาพป่าประกอบด้วย ป่าเต็งรัง อยู่ในบริเวณสภาพดินค่อนข้างต่ำ เป็นดินลูกรัง พรรณไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง เหียง แดง ประดู่ พะยอม เป็นต้น และป่าดิบเขา ขึ้นอยู่ในบริเวณริม ลำธารและพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ไม้ยาง กระบาก ก่อ มะม่วงป่า มะค่าโมง ตะแบก เป็นต้น ไม้พื้นล่าง ได้แก่ ปาล์ม หวาย และไผ่ต่าง ๆ
• สัตว์ป่าส่วนใหญ่ จะเข้าไปอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง - ภูทอง ซึ่งอยู่ใกล้กัน สัตว์ป่าที่พบส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ขนาดเล็ก ได้แก่ เก้ง หมูป่า ไก่ป่า กระจง กระรอก กระแต และนกชนิดต่างๆ
สถานที่ท่องเที่ยว
• น้ำตกชาติตระการ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่
• เส้นทางศีกษาธรรมชาติ บริเวณใกล้น้ำตก
การเดินทาง
• เส้นแรกจากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามเส้นทางหลวงพิษณุโลก-หล่มสัก เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอนครไทย และจากอำเภอนครไทย เดินทางสู่ อำเภอชาติตระการ ก่อนถึงอำเภอชาติตระการ 1 กิโลเมตร มีทางแยกเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางของอุทยานฯ อีก 2 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร
• เส้นที่สองจากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามถนนสายเอเซีย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ แยกเข้ากิ่งอำเภอแสงขันธ์ (จังหวัดอุตรดิตถ์) เข้าสู่อำเภอชาติตระการเลยไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไป 10 กิโลเมตร จึงเข้าที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร
สิ่งอำนวยความสะดวก
• อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การติดต่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ
• ต.ชาติตระการ, อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก 65170 โทรศัพท์ : (055) 237028
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
ลักษณะภูมิประเทศ
• สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วยยอดภูเขาที่สำคัญคือ ภูแผงม้า ภูขี้เถ้า ภูลมโล ภูหินร่องกล้า โดยมีภูลมโลเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงประมาณ 1 ,664 เมตรจากระดับน้ำทะเล เทือกเขาเหล่านี้จะมีความสูงลดหลั่นลงไปจากด้านทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก และ เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยลำน้ำไซ ห้วยน้ำขมึน ห้วยออมสิงห์ ห้วยเหมือดโดน และห้วยหลวงใหญ่
ลักษณะภูมิอากาศ
• ภูหินร่องกล้ามีสภาพภูมิอากาศคล้ายภูกระดึงและภูหลวงเนื่องจากมีความสูงไล่เลี่ยกันอากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำมากประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส มีหมอกคลุมทั่วบริเวณ ส่วนฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบายฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
• อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ 3 ชนิด คือ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา ป่าเต็งรังเป็นป่าที่ขึ้นในพื้นที่ระดับต่ำบริเวณเชิงเขา พื้นที่เป็นดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์และค่อนข้างแห้งแล้ง พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง พยอม เหียง ตะคร้อ พลวง ฯลฯ ส่วนป่าดิบเขาจะขึ้นในบริเวณเขาสูง ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก อากาศชื้น เป็นป่ารกทึบ พันธุ์ไม้ที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่ ก่อเดือย ก่อหัวหมู อบเชย ทะโล้ ส่วนไม้พื้นล่าง ได้แก่ หวาย ปาล์มชนิดต่าง ๆ สำหรับ ป่าสนเขาเป็นป่าบนที่ราบหลังภู มีสนสองใบและสนสามใบขึ้นปะปนกัน ส่วนใหญ่เป็นสนสองใบ บางแห่งอยู่รวมกันเป็นป่าสนกว้างใหญ่
• นอกจากนี้ยังพบกล้วยไม้ป่าดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน เช่น ม้าวิ่ง เอื้องตาหิน เอื้องคำหิน เอื้องสายสามสี ช้องนางคลี่ เหง้าน้ำทิพย์ กุหลาบขาว กุหลาบแดง ฟองหิน รวมทั้งมอส เฟิร์น ไลเคนล์ และตะไคร่ชนิดต่างๆซึ่งในช่วงปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาวดอกไม้ป่าเหล่านี้จะออกดอก บานสะพรั่งมีสีสันงดงาม
• ในอดีตภูหินร่องกล้า เคยมีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เสือ กวาง เก้ง กระจง นกชนิดต่าง ๆ ครั้นต่อมาเมื่อกลายเป็นแหล่งอาศัยของคนจำนวนมาก และยังเคยเป็นสมรภูมิแห่งการสู้รบมาก่อน สัตว์ป่าต่าง ๆ จึงถูกล่าเป็นอาหาร ในปัจจุบันเหตุการณ์ต่าง ๆ สงบลง จึงมีสัตว์ป่าขนาดใหญ่ เช่น เสือ เก้ง กระจง หมี และนกหลายชนิดเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น
• โรงเรียนการเมืองการทหาร อยู่ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ภายในบ้านแต่ละหลังจะมีแคร่สำหรับนอน และโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือทำด้วยไม้กระดานอย่างหยาบ ๆ เศษข้าวของกระจายอยู่เกลื่อน บางหลังเริ่มผุพังเพราะถูกปล่อยให้ร้างหลังจากมวลชนเข้ามอบตัวแล้ว นอกจากนี้บริเวณตอนกลางของโรงเรียนการเมืองการทหาร มีรถแทรกเตอร์จอดอยู่ 1 คัน ซึ่ง ผกค. ทำการยึดจากบริษัท พิฆเนตร แล้วเผาทิ้งไว้
• สำนักอำนาจรัฐ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานฯ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ดำเนินการปกครอง มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิมีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล
• หมู่บ้านมวลชน เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมวลชนมีอยู่หลายหมู่บ้าน เช่นหมู่บ้านดาวแดง หมู่บ้านดาวชัย แต่ละหมู่บ้านมีบ้านประมาณ 40-50 หลัง เรียงรายอยู่ในป่ารกริมทางที่ตัดมาจากอำเภอหล่มสักลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ไม่ยกพื้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้บ้านแต่ละหลังจะมีหลุมหลบภัยทางอากาศอยู่ด้วย
• กังหันน้ำ อยู่ ตรงข้ามกับโรงเรียนการเมืองการทหาร ใช้หล่อเลี้ยงคนหลายพันคนบนภูหินร่องกล้า สร้างขึ้นโดยนักศึกษาโดยใช้พลังน้ำขับเคลื่อนกังหันเพื่อหมุนแกนครก กระเดื่องตำข้าวซึ่งเปรียบเสมือนโรงสีข้าวของ ผกค.
• โรงพยาบาล อยู่ห่างจากสำนักอำนาจรัฐ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นโรงพยาบาลกลางป่าที่มีอุปกรณ์ในการรักษาคนป่วยเกือบครบถ้วน มีห้องปรุงยา ห้องพักฟื้น และยาชนิดต่าง ๆ เป็นอันมาก
• ลานหินแตก อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบพอให้รากต้นหญ้าชอนไชไปได้เท่านั้น บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ ความลึกของร่องหินแตกเหล่านั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนวนอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ
• ลานหินปุ่ม อยู่ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน
• ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมวิวอื่น ๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่ ผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาล
• น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 32 ชั้น ปัจจุบันยังไม่มีทางรถเข้าถึง หากจะเข้าไปเที่ยวให้ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง
• น้ำตกร่มเกล้าภราดร เป็นน้ำตกฝาแฝด 2 แห่ง ที่อยู่ติด ๆ กัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ บนถนนภูหินร่องกล้าประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนถึงโรงเรียนการเมืองการทหารประมาณ 1 กิโลเมตร จากถนนสายใหญ่ จะต้องเดินตัดลงไปบนทางเท้าที่พึ่งทำขึ้นใหม่เป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร ตัวน้ำตกไม่สูงใหญ่นัก แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นป่าบริสุทธิ์อันงดงามมาก
• น้ำตกศรีพัชรินทร์ ตั้งอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯบริเวณเชิงเขาประมาณ 4-5 กิโลเมตร ปัจจุบันยังไม่มีทางรถเข้าถึงและยังไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยว
• น้ำตกผาลาด และ น้ำตกตาดฟ้า ตั้ง อยู่บริเวณเชิงภูหินร่องกล้าโดยแยกซ้ายจาก หมู่บ้านห้วยน้ำไซต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการพลังงานไฟฟ้าห้วยขมึน อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกแก่งลาด ขึ้นเขาต่อไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร มีทางเดินแยกซ้ายลงไปน้ำตกตาดฟ้าหรือน้ำตกด่านกอซองเป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาด ใหญ่ที่สวยงาม
สิ่งอำนวยความสะดวก มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
• จากตัวเมืองพิษณุโลก โดยสารรถยนต์ไปตามเส้นทางพิษณุโลก - หล่มสัก ระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ถึงสามแยกบ้านแยง เลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอนครไทย เป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางต่อโดยรถสองแถว อีกประมาณ 31 กิโลเมตร จะถึงหน่วยบริการนักท่องเที่ยวและที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
• จากเมืองเพชรบูรณ์ไปอำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า บ้านวังบาน บ้านโจ๊ะโหวะ จนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ระยะทางประมาณ 115 กิโลเมตร
การติดต่อ
• ขอรายละเอียดและสำรองที่พักได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 61 ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.10900 โทร. 0-2579-7223 , 0-2561-2919 หรือติดต่อที่อุทยานแห่งชาตภูหินร่องกล้า ตู้ ปณ. 3 อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 65120 โทร. 0-5523-3527
วนอุทยานเขาพนมทอง จังหวัดพิษณุโลก
• วนอุทยานเขาพนมทอง อยู่ในท้องที่บ้านไทรงาม ตำบลท่าหมื่นราม บ้านหนองขาม ตำบลพันสาลี อำเภอวังทอง และบ้านซำรัง ตำบลชมภู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ห่างจากเส้นทางสายวังทอง-เนินมะปราง (กิโลเมตร 10) ประมาณ 2 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 12,500 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2536
ลักษณะภูมิประเทศ
• พื้นที่เป็นภูเขาสูงโดดเด่นแยกจากพื้นที่โดยรอบชัดเจน ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบแล้ง รอบๆเป็นหน้าผาสูงชันเกือบทุกด้าน ทำให้มองเห็นทัศนียภาพด้านล่างให้กว้างไกล พื้นที่บนเขาจะเป็นที่ราบกว้างใหญ่ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 468 เมตร
ลักษณะภูมิอากาศ
• สภาพภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมกราคม ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
• พื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบมีบางส่วนอยู่ใกล้ๆบริเวณลานหินเป็นป่าเต็งรัง บริเวณเชิงเขาใกล้ๆที่ราบเป็นป่าเบญจพรรณและรอบๆเชิงเขาเป็นป่าไผ่ ซึ่งขึ้นอยู่หนาแน่น พันธุ์ไม้ที่สำคัญที่พบได้แก่ ไม้ยาง แดง มะค่า ตะแบก เต็ง เหียง พลวง ตะเคียน ไผ่ชนิดต่างๆโดยเฉพาะไผ่ซางมีมาก
• สัตว์ป่าที่พบได้แก่ ลิง อีเห็น กระรอก กระแต ไก่ป่า และนกชนิดต่างๆ
บ้านพัก-บริการ
• วนอุทยานเขาพนมทอง ไม่มีบ้านพักไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะเดินทางไปพักแรม โปรดนำเต็นท์ไปกางเอง แล้วไปติดต่อขออนุญาตกับหัวหน้าวนอุทยานเขาพนมทองโดยตรง หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายจัดการวนอุทยาน สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-25614292-3 ต่อ 719 หรือ สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) โทร.(055)248408 ในวันและเวลาราชการ
แหล่งท่องเที่ยว
• วนอุทยานเขาพนมทองมีจุดเด่นที่น่าสนใจได้แก่ ถ้ำฤาษี ลำห้วย และหนองน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีน้ำซับไหลอยู่ตลอดทั้งปี มีจุดชมวิวและลานหินที่สวยงามมาก
การเดินทาง
• รถยนต์ จากจังหวัดพิษณุโลกไปทางอำเภอวังทองเดินทางตามเส้นทางวังทอง-เนินมะปราง ช่วงระยะกิโลเมตรที่ 10 แยกจากเส้นใหญ่นี้เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ก็จะถึงวนอุทยานเขาพนมทอง ระยะทางทั้งหมด 46 กิโลเมตร และอีกเส้นทางหนึ่งเป็นถนนลูกรัง สายวัดตายม-เนินมะปราง ตัดผ่านด้านทิศใต้ของวนอุทยานเขาพนมทองโดยแยกซ้ายมือเข้าหาพื้นที่บริเวณใกล้บ้านหนองขามเพียง 2 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อ
• วนอุทยานเขาพนมทอง สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) ต.พันสาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ข้อมูลกิจกรรมท่องเที่ยว : ของฝาก จังหวัดพิษณุโลก
• ประเพณีการแข่งเรือยาว การ แข่งเรือยาวเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้ยึดถือมาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งปัจจุบัน จังหวัดพิษณุโลกจะจัดงานแข่งเรือยาวประเพณีประมาณเดือนตุลาคมของทุกปี หลังจากนำผ้าห่มมาห่มองค์พระพุทธชินราช ในงานนี้จะมีการประกวดขบวนเรือ การแข่งขันเรือยาวประเพณี และมีการประดับขบวนเรือต่าง ๆ สวยงามน่าชม งานนี้จัดขึ้นบริเวณแม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
• ประเพณีปักธงนครไทย เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวอำเภอนครไทย โดยมีความเชื่อว่า อำเภอนครไทยคือ เมืองบางยาง ในอดีตซึ่งพ่อขุนบางกลางหาวใช้เป็นที่รวบรวมไพร่พลเพื่อขับไล่ขอม ในการต่อสู้ครั้งนั้น พ่อขุนบางกลางหาวได้รับชัยชนะ จึงทรงเอาผ้าคาดเอวผูกปลายไม้ไกไว้บนยอดเขาช้างล้วง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ชาวนครไทยจึงได้ยึดถือเป็นประเพณีปฏิบัติในวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี โดยจะร่วมกันทอผืนธงผ้าฝ้าย และนำไปยังเขาช้างล้วงเพื่อปักธงชัย โดยมีพระสงฆ์ร่วมเจริญชัยมงคลคาถา กิจกรรมในงานได้แก่ การประกวดแห่ธง การแข่งขันผู้พิชิตเขาช้างล้วง การประกวดธิดาปักธง
• งานมหกรรมอาหารและสินค้าของที่ระลึกจังหวัดพิษณุโลก จัด ขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายนและธันวาคมของทุกปี โดยเทศกาลนครพิษณุโลก ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือเขต 3 จัดรวบรวมร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงมา ร่วมออกร้านในบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำน่าน มีผู้สนใจเดินทางมาร่วมชิมอาหารพื้นเมืองและซื้อหาสินค้าที่ระลึกจำนวนมาก
• กล้วยตากบางกระทุ่ม เป็นของฝากมีชื่อของพิษณุโลก กล้วยตากบางกระทุ่ม มีเนื้อนุ่ม รสชาติหอมหวานอร่อย น่ารับประทาน ซื้อหาได้ที่ศาลาขายของที่ระลึกในวัดใหญ่ หรือร้านค้าของที่ระลึกทั่วไปในตลาด
• แหนมและหมูยอสุพัตรา เป็นแหนมสดและหมูยอขึ้นชื่อของพิษณุโลก สะอาด รสชาติอร่อย เป็นอุตสาหกรรมครอบครัวของโรงงานสุพัตรา คนพิษณุโลกโดยแท้
• หมี่ซั่ว เส้นสีขาวนวล เมื่อนำไปปรุงอาหาร โดยเฉพาะผัดหมี่ซั่ว เส้นจะเหนียวนุ่ม น่ารับประทาน มีให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อ ซื้อหาได้ทั่วไปตามร้านค้าของที่ระลึก
• น้ำปลาบางระกำ อำเภอบางระกำมีชื่อในเรื่องการทำน้ำปลามานาน โดยทำจากปลาสร้อยในลำน้ำยม แม้รสชาติไม่หอมหวานเท่ากับน้ำปลาทะเลหลายยี่ห้อ แต่รับรองคุณภาพได้ว่าเป็นน้ำปลาแท้ที่ไม่เป็นพิษภัยในการบริโภค
• ไม้กวาดนาจาน อำเภอชาติตระการเป็นอำเภอที่มีประชากรน้อย แต่ชาวบ้านได้พยายามทำอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มให้กับครอบครัว บ้านนาจานเป็นหมู่บ้านที่ทำไม้กวาดจากดอกหญ้าแท้ ๆ และใช้ด้ามหวายอย่างดี ฝีมือละเอียด ราคาไม่แพง
• สุนัขพันธุ์บางแก้ว ถิ่นกำเนิดอยู่ที่บ้านบางแก้ว ตำบลท่างาม อำเภอบางระกำ จากการสันนิษฐานและเล่าต่อกันมา พอสรุปได้ว่า หลวงปู่มาก สุวัณณโชโย (เมธาวี) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว ได้เลี้ยงสุนัขไว้ที่วัดหลายสิบปี ต่อมาวันหนึ่งสุนัขที่วัดผสมพันธุ์กับสุนัขป่า และได้ให้กำเนิดเป็นลูกสุนัขเป็นพันธุ์บางแก้วที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา
• เนื่องจากมีผู้นิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้กันมาขึ้น ทั้งใช้เฝ้าบ้านเฝ้าสวน หรือแม้กระทั่งเลี้ยงไว้ในเชิงพาณิชย์ และมีชมรมผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วหลายชมรมสำนักงานปศุสัตว์พิษณุโลกจึงได้ กำหนดมาตรฐานของสุนัขพันธุ์บางแก้วไว้เพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ คุณสมบัติที่ดีของสุนัขพันธุ์นี้ โดยมีลักษณะทั่วไปเป็นสุนัขขนาดกลาง โครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีสัดส่วนค่อนข้างกลมกลืน ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ แข็งแรง เคลื่อนไหวแคล่วคล่อง มีพฤติกรรมอารมณ์ที่ตื่นตัว ร่าเริง จิตประสาทมั่นคง ไม่ขลาดกลัว ซื่อสัตว์ ฉลาด หวงแหนทรัพย์สิน กล้าหาญ ฝึกง่าย เชื่อฟังคำสั่ง สามารถฝึกใช้งานได้ดี นอกจากนี้มีผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วบางท่านให้คุณสมบัติที่ดีเพิ่มเติม เช่น หัวกะโหลกควรใหญ่ ปากแหลม หูเรียวเล็กเป็นสามเหลี่ยม หูไม่ตก แผงขนบริเวณคอต่อกับหลังจะเป็นแผงขนยาวเรียบ ไม่หยักศกมาก ลำตัวได้รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ความยาวลำตัวจากขาหน้าถึงขาหลัง ยาวประมาณเท่ากับความสูงของลำตัว) ขาเหมือนขาสิงห์อวบใหญ่ได้สัดส่วน หางฟูเป็นพวง หางไม่บิดเอียงด้านใดด้านหนึ่งเมื่อหางไม่กระดิก พฤติกรรมนิ่ง ดุ รักเจ้าของ หากสุนัขตัวใดมีลักษณะครบถ้วนดังนี้ จะมีราคาสูง
• ไก่ชนพระนเรศวร หรือ ไก่เจ้าเลี้ยง เป็นไก่อูพันธุ์เหลือง หางขาว เป็นไก่มีสกุล มีคุณสมบัติทรหด แข็งแรง ชนได้ทนทานในการต่อสู้ และมีความเชื่อว่าเป็นไก่พันธุ์เดียวกับที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนำไปตีกับ ไก่ของพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี ปัจจุบันมีการอนุรักษ์เพาะพันธุ์จำหน่ายกันแพร่หลาย
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 055) | |
สำนักงานจังหวัดพิษณุโลก | 259-001 |
ททท.สำนักงานภาคเหนือเขต 3 จ.พิษณุโลก | 252-742-3 |
ตำรวจท่องเที่ยว | 1155 |
ตำรวจทางหลวง พิษณุโลก | 259-503 |
ตู้ยามสุโขทัย | 612-993 |
ตู้ยามอุตรดิตถ์ | 412-193 |
สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง | 258-777 , 240-199 |
สถานีรถไฟ | 258-005 |
รพ.พุทธชินราช | 258-031 |
รพ.นครไทย | 389-015 |
รพ.บางระกำ | 371-168 |
รพ.บางกระทุ่ม | 391-016-2 |
รพ.พรหมพิราม | 369-034 |
รพ.วัดโบสถ์ | 361-079 |
รพ.วังทอง | 311-017 |
รพ.เนินมะปราง | 243-099 |
รพ.ชาติตระการ | 381-020-1 |
รพ.อินเตอร์เวชการ | 217-800-1 |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น