• เมืองตาก เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง มีชื่อเดิมว่า “เมืองระแหง” ในอดีตเป็นเมืองที่มีชาวมอญอาศัยอยู่มาก่อน ดังมีหลักฐานศิลปะมอญปรากฏอยู่ ตัวเมืองเดิมตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านตาก เมืองนี้สร้างขึ้นก่อนสมัยกรุงสุโขทัยเป็น ราชธานี ต่อมาเมื่อได้สถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแล้ว เมืองตากมีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญด้านฝั่งตะวันตก และยังเป็นเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกับพระมหาราชในอดีตถึง 4 พระองค์ ที่เสด็จมาชุมนุมกองทัพ ณ ดินแดนเมืองตากแห่งนี้ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายตัวเมืองตากจากฝั่งขวา ของแม่น้ำปิงมายังฝั่งซ้ายบริเวณตำบลบ้านระแหงจนกระทั่งทุกวันนี้
• ตาก อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 426 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 10,254,156 ไร่ สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็น ภูเขา และป่าไม้ เป็นจังหวัดที่มีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่ยังคงความสมบูรณ์ของป่า และธรรมชาติ อาทิ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช อุทยานแห่งชาติแม่เมย อุทยานแห่งชาติลานสาง และอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ตลอดจนมีน้ำตกที่ นักท่องเที่ยวรักการผจญภัย และนิยมการล่องแก่งต้องมาเยือนสักครั้ง คือ น้ำตกทีลอซู และน้ำตกทีลอเร นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ยังเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อทั้งดอกไม้ และผลไม้ โดยเฉพาะทับทิม ซึ่งเป็นพันธุ์ ที่มีผลใหญ่ และกำลังได้รับความนิยมมาก
อาณาเขต
• ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัย
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับประเทศสหภาพพม่า โดยมีแม่น้ำเมย และทิวเขาถนนธงชัยเป็นพรมแดน
• ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร และกาญจนบุรี
ระยะทางจากอำเภอเมืองตากไปอำเภอใกล้เคียง
อำเภอบ้านตาก 22 กิโลเมตร
อำเภอสามเงา 56 กิโลเมตร
อำเภอแม่สอด 86 กิโลเมตร
อำเภอแม่ระมาด 120 กิโลเมตร
อำเภอพบพระ 135 กิโลเมตร
อำเภอท่าสองยาง 170 กิโลเมตร
อำเภออุ้มผาง 221 กิโลเมตร
กิ่งอำเภอวังเจ้า 38 กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดตากไปจังหวัดใกล้เคียง
กำแพงเพชร 68 กิโลเมตร
สุโขทัย 79 กิโลเมตร
พิจิตร 157 กิโลเมตร
นครสวรรค์ 185 กิโลเมตร
การเดินทาง
• รถยนต์ จากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเซีย ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้ง ผ่านเข้ากำแพงเพชร และตรงไปจังหวัดตาก รวมระยะทาง 426 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง
• รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถระหว่าง กรุงเทพฯ-ตาก ทั้งช่วงเช้า และช่วงเย็น เวลา 05.30-13.00 น. และ 16.30-22.00 น. และกรุงเทพฯ-แม่สอด ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ทุกวัน สอบถาม รายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งหมอชิต 2 โทร. 0 2537 8055, 0 2936 2852-66 และมีบริษัทเดินรถเอกชน ได้แก่ บริษัท ทันจิตต์ ทัวร์ วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-ตาก ตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น., กรุงเทพฯ-แม่สอด เวลา 22.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 5551 1307 กรุงเทพฯ โทร. 0 2936 3210-13 และบริษัท เชิดชัย ทัวร์ วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-ตาก ตั้งแต่เวลา 12.30-22.00 น. กรุงเทพฯ-แม่สอดมีรถออกเที่ยวเดียวคือ เวลา 22.15 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 5551 1054 กรุงเทพฯ โทร. 0 2936 0199
• เครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงไปอำเภอเมืองตาก แต่สามารถใช้เที่ยวบินกรุงเทพฯ-แม่สอด หรือเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-พิษณุโลกก็ได้ แล้วเดินทางไปจังหวัดตากโดยรถโดยสารประจำทาง สอบถามเที่ยวบินได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 1566, 0 2280 0060 และ 0 2628 2000
แผนที่จังหวัดตาก
แผนที่ตัวเมืองตาก
ศาลหลักเมืองสี่มหาราช ตั้ง อยู่เชิงสะพานกิตติขจร ก่อนเข้าตัวเมืองตาก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เมืองตากเป็นเมืองเก่ามีมาก่อนสมัยกรุงสุโขทัย เป็นเมืองที่มีพระมหาราชเจ้าในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากถึง 4 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแกรง แล้วยกทัพกลับราชอาณาจักรไทย โดยเสด็จผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงนำทัพไปตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ และได้สร้างวัดพระนารายณ์ ปัจจุบันอยู่ที่เชิงสะพานกิตติขจร และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระ มหากรุณาธิคุณของอดีตมหาราช ทั้งสี่พระองค์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดตาก จึงได้จัดสร้างศาลหลักเมืองสี่มหาราชขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2535
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้ง อยู่ที่ถนนจรดวิถีถ่อง ใกล้กับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศาลนี้แต่เดิมอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามกับตัวเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ชาวเมืองเห็นว่าศาลนั้นไม่สมพระเกียรติ จึงช่วยกันสร้างศาลขึ้นใหม่พร้อมกับให้กรมศิลปากรหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระ เจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถที่กำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า “พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา” ศาลนี้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป
วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง ตั้งอยู่ที่บ้านรมณีย์ ถนนตากสิน ตำบลหนองหลวง วัดนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2401 บูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2533 ภายในวัดมีเจดีย์ทรงมอญบรรจุพระธาตุไว้ ได้บูรณะฉัตร และบรรจุพระธาตุไว้ที่ส่วนบนของยอดฉัตร ส่วนในวิหารประดิษฐานพระประธานที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อพุทธมนต์” สร้างสมัยสุโขทัย ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19 มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก
วัดดอยเขาแก้ว หรือวัดพระเจ้าตาก ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่ท้อ ห่างจากลำน้ำปิงประมาณ 250 เมตร เป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย โบสถ์ที่มีใบเสมาคู่วิหาร เจดีย์ และพระพุทธบาทจำลองอยู่ในโบสถ์ ด้านหน้ามีเจดีย์ 2 องค์ ใช้บรรจุอังคารบิดา มารดา ของพระเจ้าตากสินมหาราช
วัดมณีบรรพตวรวิหาร อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1 ใกล้โรงพยาบาลตาก ก่อนเข้าตัวเมืองเล็กน้อย ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นวัดหลวงประจำจังหวัด และวัดพัฒนาตัวอย่าง ด้านหลังเป็นเจดีย์ทรงมอญย่อเหลี่ยมไม้ 16 ภายในอุโบสถมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่วัดนี้ และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแสงทอง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว ชาวบ้านอัญเชิญมาจากวัดร้างแห่งหนึ่งในเขตตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด เมื่อปี พ.ศ. 2473 ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองตาก
วัดสีตลาราม หรือ วัดน้ำหัก ตั้ง อยู่ที่บ้านจีน ถนนตากสิน ตำบลระแหง เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัด เหตุที่ชาวบ้านเรียกวัดน้ำหัก เพราะในสมัยก่อนบริเวณด้านตะวันตกของวัดเป็นแม่น้ำปิง กระแสน้ำไหลหักวน เนื่องจากเมื่อถึงหน้าน้ำหลาก น้ำจากห้วยแม่ท้อซึ่งไหลแรงมากได้ไหลตัดกระแสน้ำของแม่น้ำปิงให้เบนหักมายัง ท่าน้ำหน้าวัดนี้ ต่อมาได้มีการถมดินสองฝั่งแม่น้ำ ร่องน้ำเปลี่ยนไป จึงไม่มีคุ้งน้ำที่มีกระแสน้ำไหลวนให้เห็นอีก ภายในวัดมีบรรยากาศร่มรื่น โบสถ์ และอาคารเรือนไม้สร้างตามศิลปะยุโรป พระอุโบสถของวัดเคยถูกไฟไหม้แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ หน้าอุโบสถมีวิหารคต สร้างด้วยไม้แกะสลักลวดลาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ตรอกบ้านจีน อยู่ใกล้วัดสีตลาราม สมัยที่ลำน้ำแม่ปิงยังไม่ถูกถมเพื่อขยายฝั่ง ในอดีตเคยเป็นย่านการค้า และเส้นทางลำเลียงสินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค ที่ส่งมาจากปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อมาขึ้นที่บ้านท่าจีน ปัจจุบันยังคงมีเรือนไทยโบราณสร้างด้วยไม้สักทรงไทย ซึ่งหาดูได้ยากไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม
วัดเขาถ้ำ ตั้ง อยู่ที่บ้านแพะ ถนนพหลโยธิน ตำบลไม้งาม แยกขวาจากทางหลวงหมายเลข 1 ตรงกิโลเมตรที่ 423 เข้าไปตามถนนประมาณ 900 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2437 วัดเขาถ้ำนี้มีหินที่เป็นธรรมชาติวางเรียงรายเป็นชั้นสลับซับซ้อนกัน ทางเข้าถ้ำเป็นเขาสูงประมาณ 70 เมตร ภายในวัดเขาถ้ำมีรอยพระพุทธบาทจำลอง พระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม และหลวงพ่อทันใจประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปที่ปั้นด้วยปูนเสร็จภายในหนึ่งวัน บนยอดเขามีเจดีย์ตั้งอยู่ และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองตากได้ และทุก ๆ ปี หลังวันสงกรานต์จะมีการจัดงานประเพณี “ขึ้นวัดเขาถ้ำ” โดยมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของไทย และสรงน้ำพระพุทธบาทจำลอง
อุทยานแห่งชาติลานสาง อยู่ที่บ้านลานสาง ตำบลแม่ท้อ ห่างจากตัวจังหวัดตากประมาณ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ 65,000 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนติดต่อกันเกือบตลอดพื้นที่ ส่วนที่สูงที่สุดอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตก และทิศใต้ และลาดต่ำลงมาทางด้านทิศตะวันออก มีลำธารไหลผ่านหลายสาย เช่น ลำห้วยลานสาง ห้วยท่าเล่ย์ คลองห้วยทราย ห้วยอุมยอม ป่าในเขตอุทยานฯ มีทั้งป่า ดงดิบ ป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ สลับกันไปตามลักษณะภูมิประเทศ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ หมูป่า เก้ง เต่าปูลู เลียงผา ชะมด นกปรอดเหลืองหัวจุก เป็นต้น
ตามตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ได้ทรงหยุดพักพลที่บ้านระแหง แขวงเมืองตาก มีชาวมอญเข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยเป็นจำนวนมาก ทหารพม่าจึงติดตามเข้ามา สมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรีได้เสด็จยกทัพไปขับไล่ และพลัดหลงกับกองทัพ ประจวบกับเป็นเวลากลางคืน และสภาพพื้นที่เป็นป่าเขารกทึบยากแก่การติดตาม กองทัพไทยจึงหยุดพัก ขณะที่พักกันอยู่นั้นได้เกิดมีแสงสว่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และได้ยินเสียงม้าศึกร้อง จึงรีบพากันไปยังจุดนั้น ก็พบสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีประทับม้าอยู่กลางลานหิน มีแสงสว่างออกมาจากพระวรกาย มีทหารพม่าคุกเข่าหมอบอยู่โดยรอบ และขณะนั้นเป็นเวลาฟ้าสางพอดี จึงเรียกบริเวณนั้นว่า “ลานสาง” และสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีประทับม้ายังคงมีอยู่ในปัจจุบัน คือ บริเวณน้ำตกลานสาง และที่บริเวณลานหินจะมีรอยเกือกม้าของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีอยู่ด้วย
สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่
น้ำตกผาลาด เป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นเนินหิน ไหลลดหลั่นลงมาสลับซับซ้อนกันเป็นลานหินกว้าง มีความลาดชันเล็กน้อย มีความกว้าง 25 เมตร ยาว 40 เมตร กระแสน้ำของลำห้วยลานสางที่ไหลบ่าไปตามแผ่นหินรวมตัวไหลลงสู่ แอ่งเล็ก ๆ
น้ำตกลานเลี้ยงม้า อยู่ตอนต้นของลำห้วยลานสาง ถัดขึ้นไปจากน้ำตกผาลาด 200 เมตร มีลักษณะเป็นเนินหิน เตี้ย ๆ ตรงกลางเว้าเป็นช่องว่าง กว้างประมาณ 6 เมตร กระแสน้ำที่ไหลมาตามลำห้วยลานสาง เมื่อไหลมาถึงเนินหินเตี้ย ๆ น้ำจะไหลเข้ามาตามช่องหินสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง น้ำตกชั้นนี้มีความสูงประมาณ 5 เมตร
น้ำตกลานสาง อยู่ตอนต้นของห้วยลานสาง ถัดขึ้นไปจากน้ำตกลานเลี้ยงม้าประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 200 เมตร เป็นน้ำตกชั้นที่มีผู้นิยมไปมากที่สุด มีความสูงประมาณ 40 เมตร น้ำตกจะไหลพุ่งออกมาจากซอกเขา แล้วไหลลดหลั่นลงมา 3 ชั้น รวมตัวลงสู่แอ่งน้ำ และไหลลงสู่น้ำตกลานเลี้ยงม้า
น้ำตกผาเงิบ เป็นน้ำตกที่เกิดจากห้วยผาเงิบ น้ำจากห้วยผาเงิบจะไหลลงสู่ห้วยลานสางบริเวณใกล้ ๆ กับน้ำตก ลานสาง น้ำตกผาเงิบมีความสูง 19 เมตร จะมีน้ำเฉพาะฤดูฝน และฤดูหนาว ความงามของน้ำตกอยู่ที่ผาเงิบ มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันเป็นหลืบเหลี่ยม บางตอนก็มีหินงอก และหินย้อย
น้ำตกผาผึ้ง อยู่ สูงขึ้นไปตามซอกเขา ห่างจากน้ำตกลานสาง 750 เมตร เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา มีลักษณะเป็นหน้าผาเรียบ มีความลาดชันประมาณ 70 องศา สูง 30 เมตร ลำห้วยลานสาง เมื่อไหลมาถึงยอดน้ำตกจะไหลบ่าแผ่กระจายเป็นละอองฝอยสีขาวไปตามหน้าผาลด หลั่นลงมาตามชั้นหินเล็ก ๆ เป็นบริเวณกว้างลงสู่แอ่งน้ำตก
น้ำตกผาเท อยู่ สูงขึ้นไปตามลำห้วย ห่างจากน้ำตกผาผึ้ง 1.2 กิโลเมตร ตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ไปตาม ลำห้วยลานสาง ผ่านป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ที่มีสภาพป่า และชนิดของพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกัน น้ำตกผาเทเป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีลักษณะเป็นหน้าผามีความชัน สูง 25 เมตร เมื่อน้ำห้วยลานสางที่ไหลมาตามซอกด้วยความเร็วเมื่อมาถึงยอดหน้าผา ซึ่งเป็นท้องน้ำตกที่มีการลดระดับต่ำลงอย่างรวดเร็ว น้ำจะพุ่งพ้นยอดผาเป็นสายลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างด้วยความแรงจนน้ำกระจายเป็น ฝอยทำให้เกิดเสียงดังครืน ๆ ได้ยินแต่ไกล
น้ำตกผาน้อย เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านช่องแคบ ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ ลงสู่แอ่งน้ำที่กว้าง และมีความลึกมาก
น้ำตกท่าเลย์ เป็นน้ำตกที่มีลักษณะลาดชันไหลลดหลั่นลงมาจากหน้าผา มีความสูง 50 เมตร
จุดชมวิว อุทยานฯ มีจุดชมวิวอยู่บนยอดเขาน้อยสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองตากได้ โดยมีทางขึ้นบริเวณศาลเจ้าพ่อข้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
สถานที่พัก อุทยานฯ มีบ้านพัก 3 หลัง ราคาหลังละ 200-800 บาท ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองเสียค่าสถานที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติลานสาง ตู้ ปณ. 8 ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก 63000 โทร. 0 5551 9278-9 หรืองานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ
การเดินทาง รถยนต์ จากตัวเมืองตากใช้ทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ห่างจากตัวเมือง 19 กิโลเมตร ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12-13 ให้เลี้ยวซ้ายไป 3 กิโลเมตร จะถึงบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รถประจำทาง สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-ตาก มาลงที่สถานีขนส่งในอำเภอเมือง แล้วต่อรถตู้สายตาก-แม่สอดลงที่ปากทางเข้าอุทยานฯ และเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
อัตราค่าเข้าอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ชาวไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างประเทศ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ราคา 30 บาท (ไม่รวมคนขับ)
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในเขตป่าแม่ท้อ ตำบลแม่ท้อ ตำบลพะวอ อำเภอเมือง และป่าแม่ละเมา อำเภอแม่สอด มีเนื้อที่ 165,250 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2524 ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงชัน มีภูเขาสลับซับซ้อน สภาพป่าสมบูรณ์ เป็นอุทยานฯ ที่มีป่าหลายชนิด เช่น ป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ อุทยานฯ มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส ฝนตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม ส่วนฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม จะมีอุณหภูมิ 6 องศาเซลเซียส พื้นที่ป่าแห่งนี้ในอดีตเคยใช้เป็นเส้นทางเดินทัพของไทย และพม่า ในปี พ.ศ. 2305 พระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่าได้ยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างยกทัพกลับทรงประชวร และสิ้นพระชนม์ในป่านี้ สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่
ต้นกระบากใหญ่ เป็นต้นไม้ที่ขึ้นในบริเวณหุบเขาของป่าดงดิบ เป็นพันธุ์ไม้เนื้ออ่อนมีลักษณะลำต้นตรงเปลา (คือ ลำต้นสูงชะลูดไม่มีกิ่งที่ลำต้น) เรือนยอดเป็นพุ่มกลมเปลือกสีน้ำตาลปนเทา มีอายุประมาณ 700 ปี มีขนาดวัดโดยรอบได้ 16.40 เมตร หรือราว 14 คนโอบ สูง 50 เมตร เป็นต้นกระบากที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ค้นพบคือ นายสวาท ณ น่าน ช่างระดับ 2 สถานีโทรคมนาคม จังหวัดตาก เส้นทางเดินที่ลงไปชมต้นกระบากใหญ่ทางอุทยานฯ ได้จัดทำเป็น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมระบบเชิงนิเวศของป่าด้วย ผู้ที่จะเดินลงไปชมต้นกระบากใหญ่ควรมีความพร้อมทางร่างกาย เพราะทางเดินค่อนข้างชัน การเดินทาง ต้นกระบากใหญ่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นทางรถยนต์ประมาณ 3 กิโลเมตร และเป็นทางเดินเท้าลงเขาชันอีกประมาณ 1 กิโลเมตร
สะพานหินธรรมชาติ มีลักษณะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่เชื่อมหน้าผาสองแห่งเข้าด้วยกัน มีความกว้าง และความสูงประมาณ 25 เมตร เบื้องล่างมีลำธารไหลผ่าน ถัดออกไปประมาณ 50 เมตร มีถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 35 ให้แยกเข้าศูนย์เพาะชำกล้าไม้ตาก และตรงไปประมาณ 6 กิโลเมตร จากนั้นให้เดินเท้าต่อไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงสะพานหินธรรมชาติ
น้ำตกปางอ้าน้อย เป็นน้ำตกขนาดกลางมีน้ำไหลตลอดทั้งปี สูงประมาณ 20 เมตร อยู่ห่างจากต้นกระบากใหญ่ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร
ถ้ำธารลอดผาขาว-ผาแดง อยู่ห่างจากที่ทำการ 35 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยผาขาว-ผาแดง มีความสูง 30 เมตร มีถ้ำธารลอดเกิดจากลำห้วยผาแดง ซึ่งไหลเลาะลงถ้ำด้านล่าง ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม
น้ำตกแม่ย่าป้า เป็นน้ำตกขนาดกลางที่เกิดจากลำห้วยแม่ย่าป้า อยู่ในป่าทึบ มีน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นตามร่องห้วย แล้วไหลลงสู่ลำห้วยแม่ท้อ การเดินทาง ไปน้ำตกแม่ย่าป้านั้นยังไม่สะดวกนัก นักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินป่าควรติดต่อขอคนนำทางกับเจ้าหน้าที่ของ อุทยานฯ ก่อน
น้ำตกสามหมื่นทุ่ง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากลำห้วยสามหมื่นหลวง มีความสูง 30 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
อัตราค่าเข้าอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ชาวไทย เด็ก ราคา 10 บาท ผู้ใหญ่ ราคา 20 บาท ชาวต่างประเทศ เด็ก ราคา 100 บาท ผู้ใหญ่ ราคา 200 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ราคา 30 บาท (ไม่รวมคนขับ)
สถานที่พัก อุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว จำนวน 8 หลัง ราคาหลังละ 500-1,000 บาท มีเรือนนอน พักได้ 60 คน ราคา 2,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่ายพักแรมที่เล่นแค้มป์ไฟได้ และนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง ทางอุทยานฯ ได้จัดสถานที่ตั้งเต็นท์ไว้เสียค่ากางเต็นท์ 100 บาท/คน/คืน และอุทยานฯ มีร้านอาหารบริการแต่ต้องติดต่อล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ตู้ ปณ. 10 อำเภอเมือง จังหวัดตาก 63000 โทร. 0 5551 1429 หรืองานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ
การเดินทาง รถยนต์ ใช้เส้นทางสายตาก-แม่สอด ทางหลวงหมายเลข 105 ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 26 มีทางแยกขวาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ รถประจำทาง มีรถตู้วิ่งประจำทาง สายตาก-แม่สอด มาลงที่ปากทางแยกเข้าอุทยานฯ บริเวณกิโลเมตรที่ 26 แล้วจากนั้นจะต้องเดินเท้าเข้าไปอุทยานฯ อีก 2 กิโลเมตร
ดอกกระเจียว น้ำตกพาเจริญ ดอกดองดึงค์
อำเภอพบพระเป็นอำเภอที่มีชายแดนติดกับสหภาพพม่า ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดตาก การเดินทาง ใช้เส้นทางสายตาก-แม่สอด ทางหลวงหมายเลข 105 ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 75 เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1090 ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1206 ไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จึงถึงอำเภอพบพระ รวมระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 135 กิโลเมตร ก่อนที่กรมทางหลวงจะตัดถนนลาดยางสายแม่สอด-พบพระ (ทางหลวงหมายเลข 1206) นั้น การคมนาคมระหว่างสองอำเภอนี้ลำบากมากเพราะพื้นที่ของอำเภอพบพระเป็นพื้นที่ ราบสูงระหว่างภูเขารับลมมรสุมจากอ่าวเมาะตะมะ ดังนั้นพื้นที่นี้จึงมีฝนตกชุกที่สุดในเขตภาคเหนือราว 2,300-3,000 มิลลิเมตร เส้นทางการคมนาคมจึงมีแต่โคลนตม ต้องเดินลุยโคลนกัน ชาวบ้านจึงเรียกว่า ขี้เปรอะเพอะพะ แปลว่า ขี้โคลนเปรอะเลอะเทอะ หมายความว่า ถ้าใครผ่านไปแถบนี้ขาแข้งจะมีแต่ขี้เปรอะเพอะพะ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า บ้านเพอะพะ แล้วจึงเปลี่ยนเป็น พบพระ
น้ำตกนางครวญ เดิมชื่อ น้ำตกเพอะพะ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น น้ำตกพบพระ และเปลี่ยนมาเป็นชื่อ น้ำตกนางครวญ เป็นน้ำตกขนาดกลางไหลลดหลั่นลงไปเป็นชั้นเล็ก ๆ ท่ามกลางป่าร่มรื่น มีต้นน้ำมาจากลำคลอง ริมท้องนาข้างทาง และทางการได้ตัดถนนผ่านตัวน้ำตกจึงแลดูเป็นน้ำตกเล็ก ๆ การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงสาย 1090 พอถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 31-32 มีทางแยกขวามือเข้าอำเภอพบพระ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1206 ที่อยู่ริมสะพานคอนกรีตด้านขวาบริเวณกิโลเมตรที่ 12 ก่อนถึงอำเภอพบพระเล็กน้อย
บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ น้ำในบ่อนี้เป็นน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อุณหภูมิวัดได้ 60 องศาเซลเซียส สามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1206 สายพบพระ-บ้านช่องแคบ (ใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกพาเจริญ) มีทางแยกขวาก่อนเข้าอำเภอพบพระแล้วให้แยกขวาทางไปหมู่บ้านห้วยน้ำนัก
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในเขตตำบลช่องแคบ ตำบลพบพระ ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ และตำบลด่านแม่ละเมา ตำบลพะวอ ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่กุ ตำบลแม่ตาว ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด มีพื้นที่ 534,375 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,765 เมตร สภาพทั่วไปส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ และป่าเขาสน ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537
สถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่
น้ำตกพาเจริญ เป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยน้ำไหลมารวมกับแหล่งน้ำซับแล้วไหลลงสู่ชั้นน้ำตกที่นับรวมได้ถึง 97 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปีแต่จะสวยงามในช่วงปลายฤดูฝน การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง มีทางแยกซ้ายกิโลเมตรที่ 37 เข้าไปอีกประมาณ 700 เมตร
จุดชมวิวดอยเกี๊ยะ ตั้งอยู่ในเขตป่าแม่สอด หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ เป็นจุดสูงสุดชายแดนไทย-สหภาพพม่า มีความสูงประมาณ 512 เมตร สามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณป่าของพม่าได้ บางส่วนเป็นสันเขา และมีอากาศเย็นสบาย ในฤดูหนาวมีทะเลหมอกเหนือแม่น้ำเมย ที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-สหภาพพม่า
น้ำตกป่าหวาย เป็นน้ำตกหินปูนจากห้วยป่าหวายมีน้ำไหลตลอดปี บริเวณน้ำตกมีไม้หวายเป็นจำนวนมากจึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตก การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 สายพบพระ-อุ้มผาง เลี้ยวซ้ายก่อนถึงกิโลเมตรที่ 42 อยู่ก่อนถึงบ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก
น้ำตกสายฟ้าและน้ำตกสายรุ้ง เป็นน้ำตกที่มีละอองน้ำตกลงมากระทบแสงแดด เหมือนรุ้งกินน้ำ มีน้ำไหลตลอดปี การเดินทาง อยู่ระหว่างเส้นทางหลวงหมายเลข 1090 เลยอำเภอพบพระไป 11 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกสายฟ้า และน้ำตก สายรุ้ง
สถานที่พัก อุทยานฯ มีบ้านพักบริการ จำนวน 2 หลัง และมีเต็นท์ให้เช่า ราคา 150 บาท/คืน นอนได้ 4 คน แต่ต้องทำหนังสือติดต่อล่วงหน้า ถึงหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ กิโลเมตรที่ 37 หมู่ 6 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 63160
การเดินทาง อุทยานฯ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 37 มีทางแยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 700 เมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
ข้อมูลท่องเที่ยว อ.อุ้มผาง จ.ตาก
น้ำตกทีลอซู กล้วยไม้ดิน ดอกกระเจียว
อำเภออุ้มผาง อยู่ห่างจากจังหวัดตาก 249 กิโลเมตร มีพื้นที่ 2,703,362 ไร่ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแปดอำเภอที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีชายแดนติดต่อกับสหภาพพม่า และเคยเป็นที่อยู่ของชาวกะเหรี่ยงมาก่อน ต่อมาจึงมีคนไทยภาคเหนืออพยพเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น เดิมอุ้มผางเป็นเมืองหน้าด่านขึ้นอยู่กับจังหวัดอุทัยธานี เป็นจุดตรวจชาวพม่า ซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 ได้ประกาศให้ขึ้นกับจังหวัดตาก คำว่า “อุ้มผาง” เพื้ยนมาจากคำภาษากะเหรี่ยงว่า “อุ้มผะ” แปลว่า การแสดงหนังสือเดินทางของผู้เข้าออกไทย-พม่า การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ถึงตาก ระยะทางประมาณ 425 กิโลเมตร ก่อนถึงตัวจังหวัดตาก 7 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ถึงอำเภอแม่สอดระยะทาง 86 กิโลเมตร และจากอำเภอแม่สอดมีทางแยกซ้ายให้เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง ทางไปอำเภออุ้มผาง ระยะทาง 164 กิโลเมตร บนเทือกเขาถนนธงชัย เป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวสลับซับซ้อนมีทั้งหมด 1,219 โค้ง เป็นที่รู้จักกันในนามของ ถนนลอยฟ้า จากอำเภอแม่สอดถึงอำเภออุ้มผางใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง รวมระยะทาง 689 กิโลเมตร หมายเหตุ เส้นทางช่วงแม่สอด-อุ้มผาง นักเดินทางควรขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และรถที่ใช้ควรมีสภาพดี หรือรถที่มีสมรรถนะสูง เพราะเป็นเส้นทางตัดผ่านเทือกเขา ถนนมีความคดโค้งมาก มีจุดแวะพักบริเวณกิโลเมตรที่ 84 มีร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม ผู้ที่เมารถควรรับประทานยาแก้เมารถไว้ล่วงหน้า
บ้านโบราณ อุ้ม ผางเป็นชุมชนเล็ก ๆ มีวัฒนธรรมการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ลักษณะการสร้างบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังคามุงด้วยวัสดุท้องถิ่น เช่น ใบตองตึง แป้นเกล็ดไม้ และกระเบื้องดินเผา ตัวบ้านยกสูง ใต้ถุนเปิดโล่ง มีบันไดขึ้นด้านหน้า ชานบ้านมีม้านั่งขนานกับขอบระเบียง รั้วบ้านทำด้วยปีกไม้ ปัจจุบันยังมีให้เห็นกันอยู่ นอกจากนั้นทางชมรมบ้านโบราณได้มีการให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าของบ้าน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาบ้านโบราณให้เป็นที่พักทางวัฒนธรรม ที่เรียกว่า “โฮมสเตย์” (HOME STAY) เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอำเภออุ้มผาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเข้าพักสามารถติดต่อผ่าน ชมรมบ้านโบราณ โทร. 0555 61287
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีพื้นที่ 1,619,280 ไร่ เป็นเขตป่าอนุรักษ์เพื่อการสงวน และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นผืนป่าตะวันตกที่เป็นต้นกำเนิดของแหล่งมรดกโลก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจะหนาว และเย็นมากในระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ พรรณไม้ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ เสือลายเมฆ สมเสร็จ เลียงผา เหยี่ยว นกกระทุง ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เมื่อ พ.ศ. 2532สถานที่น่าสนใจภายในเขตฯ ได้แก่ น้ำตกทีลอซู คำว่า ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก ติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก ซึ่งการเดินทางไปชมน้ำตกแต่ละชั้นบางครั้งจะต้องเดินผ่านสายน้ำตก ควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
การเดินทาง รถยนต์ จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 มีทางแยกซ้ายที่บ้านแม่กลองใหม่ไปด่านเดลอ หรือจุดตรวจ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง” เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร (สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถเข้าน้ำตกทีลอซูต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตเข้า ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง (สป. 7) ได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผางก่อนทุกครั้ง นักท่องเที่ยวต้องยื่น สป. 7 ที่ด่านเดลอ) จากนั้นเดินทางไปตามถนนลูกรังอีก 26 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดิน ควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น ในฤดูฝนรถอาจเข้าไม่ได้ และจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จึงถึงตัวน้ำตกทีลอซู
ล่องแพ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อผ่านบริษัททัวร์ที่จัดล่องแพในอำเภออุ้มผางได้ โดยติดต่อได้ที่ สวนเรือแก้ว รีสอร์ท โทร. 02 998 3887, 09 770 9207
น้ำตกทีลอจ่อ หรือ น้ำตกสายฝน ห่างจากอำเภออุ้มผาง 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ถึงแยกขวามือมีทางเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะพบน้ำตก ชั้นแรก มีความสูงประมาณ 80 เมตร อยู่บนหน้าผาสูงชัน ชั้นที่ 2 ไหลจากหน้าผาสูงชันตกลงสู่แม่น้ำแม่กลอง สายน้ำแตกกระจายเป็นฝอยดูเหมือนสายฝน ทำให้บริเวณโดยรอบได้รับความชุ่มชื้นมีพืชประเภทมอส และตะไคร่น้ำขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี น้ำตกทีลอจ่อนี้สามารถล่องเรือยางจากตัวอำเภอ อุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลองถึงน้ำตกได้ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที
น้ำตกเซปละ อยู่ในเขตบ้านเซปละ ตำบลแม่ละมุ้ง ห่างจากบ้านปะละทะ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 50 เมตร กระแสน้ำที่ตกลงกระทบโขดหินทำให้ดูคล้ายกับก้อนเมฆสีขาวที่มีความสวยงาม
น้ำตกทีลอเร มี พื้นที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นน้ำตกที่อยู่บนโตรกผา มีลักษณะเป็นเพิงผาคล้ายถ้ำ ริมลำน้ำแม่กลอง โดยมีลำน้ำสายใหญ่ไหลผ่านหน้าผาสูงชันตกลงสู่ลำน้ำแม่กลอง มีความสูง 80 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม น้ำตกทีลอเรเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางลักษณะการผจญภัย และศึกษาธรรมชาติ ควรใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ เริ่มต้นจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงปะละทะด้วยการล่องเรือยางไปตามลำน้ำแม่กลอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 วัน หมายเหตุ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอุปกรณ์ในการพักค้างแรมระหว่างทาง 1 คืน และต้องเตรียมอาหารไปเอง
ดอยหัวหมด อยู่ในเขตบ้านอุ้มผาง เป็นภูเขาหินปูนที่ทอดเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน มีความยาว 30 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร บนภูเขานี้จะไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น แต่จะมีต้นหญ้าเตี้ย ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ปรง ดอกเทียน และดอกไม้ป่าที่ขึ้นปกคลุมจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนรวมทั้งมีโขดหินเป็นระยะ หากมองจากด้านล่างขึ้นไปจะเห็นเหมือนพรม สีเขียวแซมด้วยโขดหิน ต้นไม้ และดอกไม้เป็นแห่ง ๆ หากขึ้นไปบนยอดเขาจะมองเห็นหมู่บ้านอุ้มผาง และทิวเขาสลับซับซ้อนกัน โดยรอบมีทิวทัศน์สวยงาม มีจุดชมวิวเหมาะที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก และดูทะเลหมอกในยามเช้า (ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวจะมีทะเลหมอกที่สวยงาม) การเดินทาง ใช้เส้นทางอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงดอยหัวหมด มีจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ดังกล่าวได้สวยงาม 2 จุด จุดแรก บริเวณกิโลเมตรที่ 9 โดยต้องเดินขึ้นภูเขาไปประมาณ 20 นาที จุดที่ 2. บริเวณกิโลเมตรที่ 10 มีทางแยกซ้ายไปลานจอดรถ และเดินเท้าไปอีก 5 นาที ควรไปถึงดอยหัวหมดก่อน พระอาทิตย์ขึ้นราว 05.00-06.00 น. อากาศบนดอยค่อนข้างเย็น มีลมพัดตลอดเวลา
ถ้ำตะโค๊ะบิ อยู่ในเขตบ้านแม่กลอง ลักษณะถ้ำมีทางเดินกว้างลงไปเป็นชั้น ๆ ข้างในมีทางแยกหลายทางเป็นถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำสูง มีหินงอก หินย้อยสวยงาม และสามารถเดินทะลุถ้ำมาออกที่บ้านแม่กลองใหม่ ความลึกของถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทาง จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายแม่กลองใหม่-น้ำตกทีลอซู ไปประมาณ 3 กิโลเมตร
สถานที่พัก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้จัดสถานที่ตั้งเต็นท์ไว้ นักท่องเที่ยวจะนำเต็นท์ไปเอง เสียค่ากางเต็นท์ 20 บาท/คน/คืน หรือติดต่อขอเช่าเต็นท์ได้ที่เขตฯ และเตรียมอาหารมาเอง โดยทางเขตฯ มีอุปกรณ์สำหรับการทำอาหารให้ ติดต่อรายละเอียดได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก 63170
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ถึงจังหวัดตาก รวมระยะทาง 410 เมตร โดยก่อนถึงตาก 7 กิโลเมตร ให้แยกเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด สู่อำเภอแม่สอดระยะทาง 88 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อโดยใช้เส้นทางหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง ระยะทาง 164 กิโลเมตร เข้าสู้อำเภออุ้มผางรวมระยะทาง 689 กิโลเมตร
ประวัติความเป็นมาของอำเภอแม่สอดนั้นยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจะเป็นเมืองฉอด ของขุนสามชนที่เคยยกทัพไปตีกรุงสุโขทัยหรือไม่ ยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ เมื่อดูตามสภาพบ้านเมืองของอำเภอแม่สอดนั้น ไม่พบว่ามีสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มีอายุอยู่ในยุคของสุโขทัยได้เลย ฉะนั้นจึงน่าเชื่อได้ว่าไม่ใช่เมืองเดียวกัน ขณะนี้ได้มีนักโบราณคดีพบซากเมืองโบราณอยู่ในป่าทึบ ในท้องที่อำเภอแม่ระมาด อาจจะเป็นเมืองฉอดตามศิลาจารึกกรุงสุโขทัยก็ได้
วัดมณีไพรสณฑ์ ตั้งอยู่ในตลาดแม่สอด ภายในวัดมีเจดีย์วิหารสัมพุทเธ มีลักษณะแปลกคือ บนองค์เจดีย์มีเจดีย์ เล็ก ๆ ล้อมรอบถึง 233 องค์ และพระพุทธรูปบรรจุอยู่ถึง 512,028 องค์ มีโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ที่บริเวณหน้าบัน และหลังคาโบสถ์มีลายไม้ฉลุสวยงาม บริเวณโดยรอบวัดมีซุ้ม และศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ได้แก่ หลวงพ่อสังกัจจาย พระพุทธรูปปูนปั้นปางพุทธไสยาสน์ เป็นต้น
วัดชุมพลคีรี ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลแม่สอด เป็นวัดเก่าแก่มีอายุกว่า 200 ปี มีเจดีย์สร้างใหม่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของสหภาพพม่า ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปประธานปางมารวิชัย ส่วนในวิหารเป็นที่เก็บกลองโบราณมีอายุกว่า 200 ปี
น้ำตกแม่กาษา อยู่ที่ตำบลแม่กาษา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีทางเดินขึ้นไปบนเขาสูง มีถ้ำ และธารน้ำกว้างประมาณ 5 เมตร เป็นทางจากปากถ้ำถึงน้ำตก การเดินทาง จากเส้นทางสายแม่สอด-แม่ระมาด (ทางหลวงหมายเลข 105) ประมาณกิโลเมตรที่ 13-14 มีป้ายทางเข้าเขียนว่า บ้านแม่กื๊ดสามท่า จากปากทางเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร และมีทางแยกเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร
บ่อน้ำร้อนแม่กาษา อยู่ที่ตำบลแม่กาษา บ่อน้ำร้อนนี้อยู่ในตัวหมู่บ้าน มีความกว้างประมาณ 2 เมตร นอกจากนี้ยังมีธารน้ำร้อนเป็นสายมาพบกับธารน้ำเย็น เมื่อผ่านเข้าไปในบริเวณหมู่บ้านจะได้กลิ่นกำมะถันกรุ่นอยู่ทั่วไป และมีไอน้ำจาง ๆ ลอยขึ้นเหนือพื้นดินเล็กน้อย เมื่อเข้าไปดูที่ปากบ่อจะเห็นฟอง และการเดือดของน้ำได้ชัดเจน อุณหภูมิของน้ำสูงพอสมควร บริเวณหมู่บ้านมีธรรมชาติที่สวยงามล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และไร่นา การเดินทาง จากเส้นทางสายแม่สอด-แม่ระมาด ตรงกิโลเมตรที่ 13-14 ใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกแม่กาษา เข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านถึงบ่อน้ำร้อนแม่กาษา
ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดตาก ตั้งอยู่ที่ตำบลพะวอ บนดอยมูเซอ อยู่ในความดูแลของ กรมประชาสงเคราะห์ เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ศูนย์ฯ นี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 800 ฟุต เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 25-26 มีเนื้อที่ทั้งหมด 26,500 ไร่ ชาวเขาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดอยมูเซอ ได้แก่ เผ่ามูเซอดำ ม้ง หรือแม้ว และลีซอ ปัจจุบันชาวเขาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะอพยพมาจากมณฑลทางตอนใต้ของประเทศจีน และเมืองปันในเขตรัฐฉานของสหภาพพม่า รวมทั้งเขตเชียงตุงด้วย ในบริเวณศูนย์พัฒนา และสงเคราะห์ชาวเขาฯ ได้จัดตั้ง “ศูนย์วัฒนธรรมชาวเขาบ้านอุมยอม” ที่ให้ความรู้ และคำแนะนำแก่ผู้นำชาวเขาในการจัดการท่องเที่ยว มีการจัดแสดงเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ จำลองบ้านมูเซอตัวอย่าง ส่วนบริเวณด้านนอกจัดทำเป็นลานเต้น จะคึ จำลอง (จะคึ คือการเต้นรำของเผ่ามูเซอ โดยจะเต้นตลอดทั้งวันทั้งคืน ผลัดเปลี่ยนกันเต้นตลอดเวลาไม่ให้เสียงกระทืบเท้าขาดหายไปจนกว่างานจะเลิก ในช่วงที่มีงานทุกคนจะหยุดทำงาน ถ้าใครทำจะถูกปรับ ยกเว้นงานกรีดยางฝิ่นเท่านั้น และสิ่งที่ทุกคนต้องทำ คือการออกเดินทางไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านอื่นแม้ว่าจะไกล หรือใกล้ก็ตาม) นอกจากนั้นยังมี
เส้นทางศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านอุมยอม โดยชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ลักษณะของเรือนพักอาศัย หรือหากสนใจจะพักค้างแรมในหมู่บ้านก็ได้ และมี เส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกหนึ่งเส้นทาง ได้แก่ เส้นทางการทำสวนชา กาแฟ ไร่ข้าว แหล่งน้ำซับ ซึ่งทำให้เห็นวิธีการปลูก และการดูแลพืชผลดังกล่าว ระหว่างทางยังมีน้ำตกให้ได้เที่ยวพักผ่อนอีกด้วย เส้นทางนี้ใช้ระยะเวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 1 วัน นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์พัฒนา และสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดตาก ตู้ ปณ. 2 อำเภอเมือง จังหวัดตาก 63000 โทร. 0 5551 3614
การเดินทาง จากทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 25-26 จะมีทางแยกซ้ายเลียบไปตามไหล่เขาอีก 3 กิโลเมตร
สถานีทดลองพืชสวนดอยมูเซอ ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์พัฒนา และสงเคราะห์ชาวเขา บนเทือกเขาถนนธงชัย อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 900 เมตร เป็นสถานที่ทดลองวิจัยเมล็ดพันธุ์กาแฟ ชา ผลไม้ ผักต่าง ๆ และดอกไม้เมืองหนาว ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมดอกบัวตองบนเทือกเขา บริเวณที่ตั้งสถานีฯ จะออกดอกบานสะพรั่ง
ตลาดสินค้าพื้นเมืองชาวเขาดอยมูเซอ ตั้งอยู่ริมเส้นทางสายตาก-แม่สอด ทางหลวงหมายเลข 105 บริเวณกิโลเมตรที่ 29 เป็นตลาดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาวเขา ได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องเงิน และพืชผลต่าง ๆ ทางการเกษตร เปิดจำหน่ายทุกวัน
ศาลเจ้าพ่อพะวอ ตั้ง อยู่บนเนินดินเชิงเขาพะวอ ถนนสายตาก-แม่สอด บริเวณกิโลเมตรที่ 62-63 ศาลนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองตาก และชาวอำเภอแม่สอดมาก เล่ากันว่าท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงแต่งตั้งให้เป็นนายด่านอยู่ที่ด่านแม่ละเมา เพื่อคอยป้องกันข้าศึกมิให้ข้ามเขามาได้ เดิมทีศาลเจ้าพ่อพะวออยู่อีกด้านหนึ่งของเขา แต่เมื่อตัดถนนไปทางใหม่จึงได้มาสร้างศาลขึ้นใหม่ มีผู้เล่าว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าใครไปล่าสัตว์ในบริเวณเขาพะวอแล้วมักจะเกิดเหตุต่าง ๆ เช่น รถเสีย เจ็บป่วย หรือหลงทาง และเพราะเหตุที่เจ้าพ่อพะวอเป็นนักรบ จึงชอบเสียงปืน ทำให้ผู้ที่เดินทางมาสักการะมักยิงปืนถวาย จุดประทัด หรือบีบแตรถวายท่านเป็นการแสดงความเคารพ
เนินพิศวง อยู่ บริเวณกิโลเมตรที่ 68 สายตาก-แม่สอด มีลักษณะเป็นทางขึ้นเนินที่แปลก คือเมื่อนำรถไปจอดไว้ตรงทางขึ้นเนินโดยไม่ได้ติดเครื่องรถจะไหลขึ้นเนินไป เอง มีนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ถึงสาเหตุนี้พบว่า เกิดจากเป็นภาพลวงตา เนื่องจากได้มีการวัดระดับความสูงของเนินลูกนี้แล้วปรากฏว่า ช่วงที่มองเห็นเป็นที่สูงนั้น มีระดับความสูงต่ำกว่าช่วงที่เห็นเป็นทางลงเนิน ดังนั้นรถที่เรามองเห็นไหลขึ้นนั้นที่จริงไหลลงสู่ที่ต่ำกว่า แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ว่าเหตุใดจึงมองเห็นเป็นภาพลวงตาเช่นนั้นได้
วัดโพธิคุณ หรือ วัดห้วยเตย อยู่ในตำบลแม่ปะ ริมทางหลวงหมายเลข 105 เส้นทางสายตาก-แม่สอด บริเวณกิโลเมตรที่ 69 เป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี (วัดป่า) จึงมีความสวยงามตามธรรมชาติ ภายในวัดมีพระอุโบสถสร้างแบบสถาปัตยกรรมประยุกต์ มีลักษณะคล้ายเรือลำใหญ่ มี 3 ชั้น ภายในอุโบสถลงรักปิดทองโดยรอบ
วัดไทยวัฒนาราม เดิม ชื่อ วัดแม่ตาวเงี้ยว หรือ วัดไทยใหญ่ ตั้งอยู่หมู่ 1 ตำบลท่าสายลวด ห่างจากตัวอำเภอแม่สอดไปประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 84 ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด เส้นที่จะไปตลาดริมเมย ก่อนถึงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานของชาวไทยใหญ่ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม พิธีกรรมต่าง ๆ ได้รับอิทธิพลมาจากสหภาพพม่า สร้างเมื่อ พ.ศ. 2400 โดยนายมุ้ง เป็นชาวพม่ารัฐฉาน ที่อพยพครอบครัวมาอาศัยอยู่ที่อำเภอแม่สอด และได้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของหมู่บ้านแม่ตาว ต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า หมื่นอาจคำแหงหาญ ในปี พ.ศ. 2500 ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้เป็นวัดพระพุทธศาสนาในสังกัดกรมศาสนา ในวัดมีพระพุทธมหามุณี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่จำลองมาจากพระพุทธมหามุณีอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่ เมืองของชาวเมืองมัณฑเลย์ สหภาพพม่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดตากศรัทธาเลื่อมใสกันมาก
สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าสายลวด เป็นสะพานที่สร้างข้ามแม่น้ำเมย ระหว่างอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับเมืองเมียวดี ของสหภาพพม่า มีความยาว 420 เมตร กว้าง 13 เมตร สำหรับประชาชน ชาวไทย ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอแม่สอด สามารถเดินทาง หรือนำรถยนต์ข้ามไปในประเทศพม่าได้ โดยทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวได้ที่ ที่ว่าการอำเภอแม่สอด หรือศูนย์การค้าแม่เมยซิตี้ โดยเสียค่าธรรมเนียมทั้งในฝั่งประเทศไทย และฝั่งประเทศพม่า และเสียค่าประกันภัยรถยนต์ตามที่กำหนด สอบถามข้อมูลก่อนเดินทางได้ที่ ที่ทำการอำเภอแม่สอด โทร. 0 5553 1077
หมายเหตุ นักท่องเที่ยวชาวไทย ควรสอบถามรายละเอียดที่ ที่ว่าการอำเภอแม่สอดก่อนเดินทาง เนื่องจากระเบียบการอาจมีการเปลี่ยนแปลง
นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศ ที่ต้องการเดินทางข้ามไปสหภาพพม่าต้องนำหนังสือเดินทาง (PASSPORT) มาแสดงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยเพื่อประทับตราผ่านแดนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับฝั่งประเทศพม่าเสียค่าธรรมเนียมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งพม่า คนละ 10 ดอลล่าร์ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) เพื่อท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-08.00 น. และจากด่านตรวจคนเข้าเมืองนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศสามารถเดินทางเข้าไปได้ไม่เกิน 2 กิโลเมตร ควรสอบถามข้อมูลก่อนเดินทางได้ที่ ที่ทำการอำเภอแม่สอด โทร. 0 5553 1077
ตลาดริมเมย เป็นชุมชนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย ตรงข้ามกับอำเภอเมียวดีของสหภาพพม่า เป็นตลาดค้าขายสินค้าพื้นเมืองมากมายทั้งของไทย และสหภาพพม่า เช่น หน่อไม้แห้ง ปลาแห้ง ปลาหัวยุ่ง เห็ดหอม ถั่ว เครื่องหนัง ผ้าซาติน ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดการค้าอัญมณี เช่น หยก ทับทิม และพลอยสีที่มาจากสหภาพพม่า การเดินทาง สามารถขึ้นรถสองแถวจากตลาดอำเภอแม่สอดไปตลาดริมเมยทุกวัน โดยลงที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า อัตราค่าโดยสารคนละ 10 บาท
พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่ อยู่ที่บ้านวังตะเคียน พระธาตุ หรือเจดีย์หินกิ่วเป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ คือ ก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชะง่อนผา เป็นหินที่กิ่วคอดเหมือนจะขาดออกจากกัน และมีเจดีย์ทรงมอญสร้างไว้มีขนาดพอดีกับความกว้างของก้อนหิน ชาวบ้านเรียกหินมหัศจรรย์นี้ว่า “เจดีย์หินพระอินทร์แขวน” เป็นที่เคารพของชาวจังหวัดตาก และประชาชนจังหวัดใกล้เคียง ทุก ๆ ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุหินกิ่ว การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ผ่านหมู่บ้านท่าอาจ และหมู่บ้านวังตะเคียน จะพบทางแยกขวามือมีป้ายบอกทางไปพระธาตุหินกิ่ว 3 กิโลเมตร
แม่น้ำเมย (พม่า เรียกว่า แม่น้ำต่องยิน) เป็นเส้นกั้นเขตแดนประเทศไทยกับสหภาพพม่า มีความยาวประมาณ 327 กิโลเมตร แม่น้ำสายนี้ไหลขึ้นมิได้ไหลลงเช่นแม่น้ำทั่ว ๆ ไป มีต้นน้ำอยู่ที่บ้านมอเกอ ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ แล้วไหลผ่านอำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง ไปถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วมาบรรจบกับแม่น้ำสาละวินแล้วไหลลงอ่าวมะตะบันใน เขตพม่า การเดินทาง จากอำเภอแม่สอดใช้ทางหลวงหมายเลข 105 ไปประมาณ 10 กิโลเมตร สุดเขตแดนไทยถึงแม่น้ำเมย
ข้อมูลท่องเที่ยว อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
อำเภอแม่ระมาด เป็นอำเภอชายแดนที่ติดต่อกับสหภาพพม่าอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดตาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 120 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา สันนิษฐานว่าเดิมอำเภอแม่ระมาดเป็นชุมชนของชาวกะเหรี่ยง แต่ต่อมามีชาวไทยล้านนาอพยพมาอยู่เป็นจำนวนมากจนได้ยกฐานะเป็นอำเภอแม่ระมาด เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2494 การเดินทาง จากตัวจังหวัดตากใช้เส้นทางตาก-แม่สอด-แม่ระมาด หรือใช้เส้นทางตาก-บ้านตาก-แม่ระมาดก็ได้
วัดดอนแก้ว ตั้งอยู่หลังที่ว่าการอำเภอแม่ระมาด มีพระพุทธรูปแกะสลักหินอ่อน เป็นปฏิมากรรมของพม่าที่แกะสลักขึ้นพร้อมกัน 3 องค์ องค์ที่ 1 ประดิษฐานที่ประเทศปากีสถาน องค์ที่ 2 ประดิษฐานที่ประเทศอินเดีย และองค์ที่ 3 ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประดิษฐานในวิหารของวัดดอนแก้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม มีขนาดหน้าตักกว้าง 50 นิ้ว สูง 63 นิ้ว
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ตั้งอยู่บริเวณป่าแม่ตื่น มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในเขตอำเภอแม่ระมาด และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีเนื้อที่ 733, 125 ไร่ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทิวเขาสูงชันสลับซับซ้อนมีป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง
สถานที่น่าสนใจในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ได้แก่
ดอยขุนแม่ตื่น อยู่บริเวณหลังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น มีลานหิน เป็นบริเวณกว้าง มีถ้ำขนาดเล็ก ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น เก้ง เลียงผา ค้างคาว เป็นต้น
ลำน้ำแม่ตื่น เป็น ลำน้ำสาขาที่มีขนาดใหญ่ของลำน้ำแม่ปิง ไหลลงมาบรรจบกับลำน้ำปิงบริเวณเหนือเขื่อนภูมิพล เป็นบริเวณที่สามารถล่องแก่งได้โดยเริ่มต้นที่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด ซึ่งอยู่แยกจากทางสายแม่ระมาด-บ้านตาก ประมาณกิโลเมตรที่ 30 ระยะทาง 12 กิโลเมตร ล่องไปตามลำน้ำแม่ตื่น ผ่านกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ซึ่งนอกจากจะได้ชมความงามตามธรรมชาติของป่า และนกนานาพันธุ์แล้ว ยังจะได้ผจญภัยกับการล่องเรือยางผ่านเกาะแก่งตามลำน้ำแม่ตื่น และสัมผัสชีวิตของชาวแพเหนือทะเลสาบแม่ปิง
ดอยสอยมาลัย เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ยอดดอยอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร จากยอดดอยสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลได้ สิ่งที่น่าสนใจภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้แก่ สลาแมนเดอร์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จิ้งจกน้ำ เป็นสัตว์น้ำดึกดำบรรพ์ที่หายาก ลักษณะจะเหมือนกับจิ้งจก ลำตัวสีชมพู พื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าสนเมืองหนาว มีจุดชมวิวที่ดูทะเลหมอกในยามเช้าได้ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ช่วงฤดูที่น่าเที่ยวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มกราคม นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้บริเวณที่ทำการเขตฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต 4 โทร. 0 5551 4341 -3 นักท่องเที่ยวจะต้องขอใบอนุญาตที่หน่วยพิทักษ์ป่ากิ่วสามล้อก่อนขึ้นดอยสอยมาลัยทุกครั้ง การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1175 สายบ้านตาก-แม่ระมาด รถยนต์ที่ใช้ควรเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อ
ข้อมูลท่องเที่ยว อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
ม่อนกิ่วลม ม่อนกิ่วลม น้ำตกแม่ระเมิง บ้านพักอุทยาน
อำเภอท่าสองยาง เป็นอำเภอชายแดนติดกับประเทศพม่า อยู่ติดลำน้ำเมย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขาสูงตามแนวเทือกเขาถนนธงชัย ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยพื้นราบ ประกอบอาชีพทำไร่ ระยะทางจากอำเภอแม่สอด-อำเภอท่าสองยาง ประมาณ 84 กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวอำเภอเมืองตากถึงอำเภอท่าสองยางประมาณ 169 กิโลเมตร
ถ้ำแม่อุสุ อยู่ในเขตวนอุทยานถ้ำแม่อุสุ หมู่ที่ 4 บ้านมีโนะโค๊ะ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอท่าสองยางไปทางเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร บนเส้นทางสายแม่สอด-แม่สะเรียง (ทางหลวงหมายเลข 105) เลยกิโลเมตรที่ 94 ไปเล็กน้อย จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้ำแม่อุสุแห่งนี้เป็นถ้ำที่กว้างใหญ่ มีเพดานสูง อากาศโปร่ง และไม่มืดนัก มีลำห้วยแม่อุสุไหลผ่าน ถ้าเดินทางเข้าไปในถ้ำนี้จะต้องเดินลุยน้ำห้วยแม่อุสุ ถ้าในช่วงฤดูฝนระดับน้ำจะสูงมาก ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยรูปร่างต่าง ๆ ดูสวยงาม ทางด้านตะวันตกจะมีโพรงหินขนาดใหญ่ และในตอนบ่ายจะมีแสงแดดส่องเข้ามาทำให้ถ้ำดูสวยงาม ทางเดินไม่ลำบาก ถ้าหากปีนขึ้นไปจนทะลุโพรงหินก็จะยิ่งสวยงาม เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำสักระยะหนึ่งแล้ว หันกลับมาดูทางเข้าก็จะเห็นลำห้วยที่ไหลคดเคี้ยวออกจากถ้ำที่มืดไหลไปสู่ปากถ้ำที่สว่าง และบริเวณด้านหลังเป็นทุ่งหญ้า สีเขียวที่สวยงาม
อุทยานแห่งชาติแม่เมย อยู่ ในเขตอำเภอท่าสองยาง มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนสหภาพพม่าโดยมีแม่น้ำเมยเป็นเส้นแบ่งเขตแดน บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีการจัดภูมิทัศน์ และตกแต่งพื้นที่ด้วยไม้ประดับดูสวยงาม บรรยากาศโดยรอบที่ทำการสงบร่มรื่นด้วยป่าเขา และยังมีสัตว์ป่าต่าง ๆ เช่น กวาง ละมั่ง เป็นต้น นอกจากนั้นทางอุทยานฯ ได้จัด เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ใช้เวลาเดินประมาณ 6 ชั่วโมง ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางโดยติดต่อล่วงหน้าที่อุทยานฯ เป็นเส้นทางเดินแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือจะพักแรมก็ได้ ระหว่างเส้นทางที่เดินเป็นทางขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง ทางเดินไม่ชันมาก เดินเรียบลำน้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านน้ำตกเล็ก ๆ บางครั้งต้องปีนบันไดไม้ไผ่ที่สร้างขึ้นขนานไปกับน้ำตก ละอองน้ำจากน้ำตกจะกระเด็นเข้ามาปะทะที่ใบหน้าทำให้สดชื่นขึ้น หากมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะพบดอกไม้ป่านานาชนิดหลากสีสันบานอยู่ริมทางเดิน หรือริมน้ำตก เช่น ดอกกระทือสีแดง ดอกบัวตองสีเหลืองบานเป็นกอชวนสะดุดตาตัดกับผืนป่าสีเขียว บางดอกซ่อนตัวอยู่กับพรมมอสสีเขียวเข้ม
น้ำตกผาเทวะ เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะได้พบในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และเป็นน้ำตกที่เด่นที่สุดในอุทยานฯ มีความสูง 150 เมตร เวลาที่อยู่ใกล้ ๆ จะมองเห็นสายน้ำทิ้งตัวลงจากหน้าผา ส่งให้สายน้ำไหลแรงมากระทบโขดหิน และแอ่งน้ำเบื้องล่าง ป่ารอบ ๆ บริเวณจึงชุ่มชื้น และฉ่ำเย็นด้วยละอองของน้ำที่กระจายไปทั่ว สายน้ำสีขาวของผาเทวะที่ไหลยาวไปสู่เบื้องล่างสามารถมองเห็นได้จากอีกยอดเขาหนึ่งเมื่อขึ้นไปบนยอดเขาจะพบ ทุ่งหญ้านิรนาม เป็นทุ่งหญ้า และหุบเขาสามารถพักแรมได้ เป็นจุดมีทิวทัศน์สวยงาม และบรรยากาศเย็นสบาย ซึ่งถ้าตื่นมาตอนเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกได้ถ้าฟ้าเปิด ใกล้ ๆ บริเวณจะพบหลุมขุดแร่เป็นระยะ ๆ เพราะที่นี่เคยเป็นพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่มาก่อน และบริเวณกลางป่ามีเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของหญิงสาวที่เลือกมาผูกคอตายเพราะผิดหวังในความรัก
สถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่
น้ำตกแม่ระเมิง เป็นจุดที่สามารถชมทะเลหมอก และดูพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามมีอยู่หลายจุด ได้แก่ ม่อนกระทิง ม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาไส และม่อนกิ่วลม
คำแนะนำ สำหรับคนที่กลัวทากควรเตรียมอุปกรณ์กันทากไปด้วย ควรใส่รองเท้าที่กระชับ เกาะพื้น และควรมีน้ำดื่มติดไปด้วย
อัตราค่าเข้าอุทยานฯ ชาวไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างประเทศ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท (ไม่รวมคนขับ)
สถานที่พัก ทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพัก จำนวน 3 หลัง ราคา 1,200 บาท หากต้องการให้อุทยานฯ บริการด้านอาหารต้องติดต่อก่อนล่วงหน้า ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก 63150 โทร. 0 5551 9644
การเดินทาง รถยนต์ จากตัวเมืองตากไปตามเส้นทางสายแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง (ทางหลวงหมายเลข 105) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือที่จุดตรวจแม่สลิดเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ ทางขึ้นเขาเป็นทางชันรถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นไปได้ (หมายเหตุ เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ช่วงแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง เป็นเส้นทางเรียบชายแดนจึงไม่แนะนำให้เดินทางผ่านช่วงหลังเวลา 18.00 น.)
รถประจำทาง ให้นั่งรถสองแถวจากแม่สอดไปบ้านแม่สลิดหลวง หลังจากนั้นต้องเหมารถต่อไปที่ทำการอุทยานฯ
พระบรมธาตุบ้านตาก พระเจ้าทันใจ เจดีย์ยุทธหัตถี
อำเภอบ้านตากเป็นเมืองตากเก่า มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญด้านตะวันตกของกรุงสุโขทัย จนในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุธยาได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองตากลงมาตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำปิง ตรงข้ามกับตัวเมืองตากในปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอบ้านตากส่วนใหญ่จึงเป็นโบราณสถาน อำเภอบ้านตากอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศเหนือราว 22 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 แต่หากเดินทางจากเส้นทางหลวงหมายเลข 1107 เลียบริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันตกถึงอำเภอบ้านตาก ระยะทาง 25 กิโลเมตร
วัดพระบรมธาตุ อยู่ที่ตำบลเกาะตะเภา วัดพระบรมธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์มาหลายครั้งแล้ว ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่สวยงาม หน้าบัน และจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันไดเป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้น มีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารมีอากาศเย็น และมีพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองอยู่ภายในวิหาร นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารไม้เก่าแก่ที่มีลายแกะสลักไว้ให้ชม นับเป็นวัดที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีมาก การเดินทาง จากอำเภอเมืองตากใช้ทางหมายเลข 1107 สายตาก-บ้านตาก ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ
เจดีย์ยุทธหัตถี หรือ เจดีย์เฉลิมพระเกียรติพระเจ้ารามคำแหงมหาราช ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เจดีย์ชนช้าง ตั้งอยู่บนดอยช้าง ตำบลเกาะตะเภา ดอยช้างเป็นเนินดินเล็ก ๆ อยู่ทางเหนือของดอยพระธาตุไปเล็กน้อย เจดีย์นี้เป็นโบราณสถาน สร้างในสมัยสุโขทัยมีอายุราว 700 ปีเศษ องค์เจดีย์ยุทธหัตถีอยู่เยื้องกับวัดพระบรมธาตุประมาณ 200 เมตร ลักษณะของเจดีย์ยุทธหัตถีเป็นศิลปะแบบสุโขทัยคล้ายกับองค์อื่น ๆ ทั่วไปในเมืองสุโขทัย ก่ออิฐถือปูนฐานกว้าง 12 เมตร เป็นเรือนธาตุรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขึ้นไป สูง 16 เมตร เหนือเรือนธาตุทำเป็นลำสี่เหลี่ยมย่อมุมตลอดถึงยอดที่เป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ยอดสุดมีฉัตร มีร่องรอยการซ่อมแซมตลอดมา แต่ไม่เสียรูปทรงเดิม ฐานพุ่มมีลายปั้นเป็นรูปหน้าสิงห์สวยงาม หน้าสิงห์ด้านทิศเหนือยังสมบูรณ์ ด้านอื่น ๆ ชำรุด องค์เจดีย์ส่วนใหญ่มีคราบตะไคร่น้ำจับอยู่ทั่วไป จะมีการขุดแต่ง และทำความสะอาดรอบบริเวณเจดีย์ในช่วงใกล้วันเทศกาล เป็นงานเดียวกับงานไหว้พระธาตุบ้านตาก
ข้อมูลท่องเที่ยวอำเภอสามเงา จังหวัดตาก
ผาสามเงา อยู่ ในตำบลย่านรี จากอำเภอเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 1107 ผ่านทางแยกไปเจดีย์ยุทธหัตถีประมาณ 25 กิโลเมตร หรือถ้าใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 463 จะมีทางแยกซ้ายเข้าเขื่อนภูมิพลไปประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงอำเภอสามเงา จะมองเห็นเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “ผาสามเงา” เพราะที่เชิงเขาริมหน้าผานั้นเจาะเป็นช่องลึกเข้าไปในเนื้อภูเขาเรียงกัน 3 ช่อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปิดทองช่องละองค์ มีบันไดไม้ต่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปได้ ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าพระนางจามเทวีราชธิดาแห่งกรุงละโว้เป็นผู้สร้าง เมื่อครั้งเดินทางตามลำน้ำแม่ปิงเพื่อขึ้นไปครองเมืองหริภุญไชย หรือลำพูน
เขื่อนภูมิพล เรียก อีกชื่อหนึ่งว่า เขื่อนยันฮี เป็นเขื่อนเอนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย สร้างเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ จัดอยู่ในอันดับ 8 ของโลก มีความสูงจากฐานถึงสันเขื่อน 154 เมตร กั้นแม่น้ำปิงที่เขาแก้ว อำเภอสามเงา สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า และด้านชลประทาน ความยาวของลำน้ำจากเขื่อนถึงอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะทาง 207 กิโลเมตร รอบบริเวณเขื่อนภูมิพลเป็นแหล่งพักผ่อน และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดด้วย นอกจากนั้นทางเขื่อนภูมิพลได้จัดทำ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ สองฝั่งลำน้ำปิงเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ ตื่นเป็นเส้นทางเดินศึกษาสภาพความหลากหลายของพื้นที่ป่าดิบเขา และการฟื้นฟูสภาพป่า ตลอดจนการศึกษาลักษณะสภาพป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ความหลากหลายของภูเขาหิน ลำห้วย และน้ำตก เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ ภายในเขื่อนฯ มีสถานที่น่าสนใจ ได้แก่
พระพุทธบาทดอยเขาหนาม เป็นเกาะกลางน้ำ มีวัดพระพุทธบาทอยู่บนยอดดอย ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาท และศาลาประดิษฐานองค์พระประธาน ทิวทัศน์โดยรอบสวยงาม
เกาะวาเลนไทน์ เป็น เกาะเล็ก ๆ มีหาดทราย สามารถเล่นน้ำได้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวเกาะทั้งสองได้โดยเช่าเรือจากเขื่อนภูมิ พลล่องไปตามลำน้ำใช้เวลาประมาณ 30 นาที การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจัดบริการกีฬาบางประเภทเพื่อการพักผ่อนไว้ บริการนักท่องเที่ยว อาทิ สนามกอล์ฟ สนามเทนนิส เรือเช่า สำหรับนักท่องเที่ยว หรือนักศึกษาที่มาเป็นหมู่คณะ หากต้องการฟังการบรรยาย และชมโรงไฟฟ้า ต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้าได้ที่ ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก 63130
สถานที่พัก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีบริการบ้านพักเป็นเรือนนอน (ห้องแอร์) พักได้ 30 คน ราคา 5,000 บาท, บ้านพัก ราคา 800-2,500 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนภูมิพล โทร. 0 5554 9509, 05559 9003-6 ต่อ 2501, 0 5559 9093-7 กรุงเทพฯ โทร. 0 2436 3271-2
การเดินทาง จากตัวอำเภอเมืองตากใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 463-464 ให้แยกซ้ายเข้าไปประมาณ 17 กิโลเมตร ถึงตัวเขื่อนภูมิพล
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีเทือกเขาหลวงกั้นเป็นแนวแบ่งกึ่งกลางอุทยานแห่งชาติ ในแนวตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ มียอดเขาอุมยอมเป็นยอดเขาสูงสุด สูงประมาณ 1,065 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่จะลาดต่ำลงมาทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือบริเวณน้ำตกลานสาง
ลักษณะภูมิอากาศ
อุทยานแห่งชาติลานสาง แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
ฤดูฝน เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม
ฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน - มกราคม
ฤดูร้อน เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน
อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุด 7 องศาเซลเซียส
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าประกอบด้วยป่าสนเขา ขึ้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร ไม้ที่พบเป็นพวกไม้สน อาจจะขึ้นปนอยู่กับไม้เต็ง รัง เหียง พลวง ป่าดิบเขา ป่าดิบนี้อยู่ตามบริเวณเทือกเขาสูงใกล้สันปันน้ำไม้ที่สำคัญ คือไม้ก่อและไม้เนื้ออ่อน และป่าเบญจพรรณเป็นป่าที่ไม่รกทึบนัก มีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ ฤดูแล้งต้นไม้เกือบทั้งหมดจะผลัดใบ ไม้ที่สำคัญมี ไม้สัก มะค่าโมง เสี้ยว เปล้า เก็ดแดง ประดู่ ตะคร้อ สมอแดง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีป่าดิบแล้งและป่าเต็งรังเป็นบางส่วน
สัตว์ป่าที่พบ ส่วนใหญ่ได้แก่ เลียงผา เก้ง กวาง เสือไฟ หมูป่า ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเห็น ชะมด กระต่าย บ่างแป้ว และกิ้งก่าบิน เป็นที่น่าจะศึกษาชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างยิ่ง
แหล่งท่องเที่ยว
ผาลาด อยู่ ห่างจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 ทางหลวงเอเซีย 2 สาย สายตาก-แม่สอด เข้ามาตามถนนสายลูกรังที่แยกไปหาที่ทำการประมาณ 1 กิโลเมตร มีลักษณะเป็น แผ่นหินลาดชันน้อย ขนาดกว้างประมาณ 25 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตร เป็นท้องน้ำของห้วยลานสายกระแสน้ำของห้วยลานสางจะไหลบ่าไปตามแผ่นหินแผ่ กระจายออกเป็นแผ่นบางๆแล้วค่อยรวมตัวไหลลงแอ่งเล็ก ๆ
น้ำตกลานเลี้ยงม้า อยู่ตอนต้นของลำห้วยลานสางถัดขึ้นไปจากผาลาดประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเป็นเนินเตี้ยกลางเว้าเป็นช่องว่างประมาณ 6 เมตรกระแสน้ำที่ไหลมาตามลำห้วยลานสาง เมื่อไหลถึงเนินเตี้ย ๆ น้ำจะไหลมาตามช่องหินซึ่งแคบเล็กลง น้ำจะถูกบีบจนมีระดับน้ำสูงขึ้นพุ่งผ่านยอดน้ำตก
น้ำตกลานสาง อยู่ตอนบนของห้วยลานสาง ถัดขึ้นไปจากน้ำตกลานเลี้ยงม้าประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นที่ผู้นิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุด มีความสูงประมาณ 40 เมตร น้ำตกจะไหลพุ่งออกจากซอกเขา แล้วหักเหลี่ยมลดหลั่นลงมา 3 ชั้น รวมตัวลงสู่แอ่งน้ำตกลานเลี้ยงม้า
น้ำตกผาเงิน เป็นน้ำตกที่เกิดจากห้วยผาเงินน้ำตกผาเงินมีความสูงประมาณ 15 เมตร น้ำตกนี้จะมีน้ำไหลเฉพาะฤดูฝนและฤดูหนาวความงามของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่ผาเงิน ซึ่งมีลักษณะสูงชันเป็นหลืบเหลี่ยมบางตอนมีหินงอกหินย้อยลักษณะแปลกประหลาด
น้ำตกน้ำย้อย อยู่สูงชันขึ้นไปจากลำห้วยลานสางมีลักษณะเป็นซอกแคบ ๆ น้ำตกนี้มีความสูงประมาณ 8 เมตร
น้ำตกผาเท อยู่สูงขึ้นไปจากลำห้วยห่างจากน้ำตกผาน้อยประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นหน้าผาชันดิ่งสูงประมาณ 25 กิโลเมต
สิ่งอำนวยความสะดวก มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์ ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ให้เดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (เอเซีย) ก่อนถึงจังหวัดตากประมาณ 7 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายมือ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 (เอเซีย 2 สายตาก-แม่สอด) จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 12 ให้เลี้ยวซ้ายตรงป้ายอุทยานแห่งชาติลานสาง ไปตามถนนอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติลานสาง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 430 กิโลเมตร
การติดต่อ
อุทยานแห่งชาติลานสาง อ.เมือง จ. ตาก 63000 โทรศัพท์ : 055 - 519278 - 9
ดอกกระเจียว น้ำตกพาเจริญ ดอกดองดึงค์
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่สอด ตำบลด่านแม่ละเมาะ ตำบลพะออ ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่กุ ตำบลแม่ตาว ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด, ตำบลช่องแคบ ตำบลพบพระ ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ประกอบไปด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนเป็น แหล่งต้นน้ำลำธาร และยังเป็นต้นกำเนิดของห้วยแม่ละเมา มีเนื้อที่ประมาณ 855 ตารางกิโลเมตร หรือ 534,375 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนวางตัวไปตามแนวเหนือใต้ มีพื้นที่ราบเล็กน้อยตามเขตลำน้ำ ยอดเขาสูงเด่นในพื้นที่มีดอยป่าตาล ดอยเด่นกระทิง ดอยหลวง ดอยหมากหมื่น เขาลมพักเย็น เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย มียอดเขาที่สูงที่สุดอยู่ทางทิศใต้สูงถึง 1,765 เมตร จากระดับน้ำทะเล พื้นที่ตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีฝนตกชุกตลอดปี จึงเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของห้วยแม่ละเมา ห้วยอุ้มเปี้ยม ที่มีทิศทางการไหลของน้ำจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ มีลำห้วยหลายสายที่มีต้นกำเนิดจากพื้นที่นี้ไหลสู่พื้นที่เกษตรกรรมของอำเภอ แม่สอด อำเภอพบพระ เช่น ห้วยแม่สอด ห้วยแม่ดาว ห้วยผักกูด ฯลฯ ลักษณะภูมิอากาศเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันตกเฉียง ใต้
ลักษณะภูมิอากาศ
ส่วนใหญ่จึงมีอากาศเย็นสบาย แบ่งตามฤดูกาลได้ 3 ฤดู คือ
1. ฤดูร้อน เริ่มจาก เดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศไม่ร้อนจัดเพราะเป็นที่สูงมีลมพัด
2. ฤดูฝน เริ่มจาก เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ไม่หนาวมากวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 6 องศาเซลเซียส
3. ฤดูหนาว เริ่มจาก เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ มีฝนตกชุกและสม่ำเสมอตลอดฤดู
ในช่วงฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด เพราะเป็นที่สูงมีลมพัด ฤดูหนาวไม่หนาวมาก วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 6 องศาเซลเซียส ฤดูฝนมีฝนตกชุกและสม่ำเสมอตลอดฤดู ปริมาณน้ำฝนอยู่ระหว่าง 1,500-2,000 มิลลิเมตร/ปี
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าทั่วไปยังคงสมบูรณ์ ส่วนมากเป็นป่าเบญจพรรณ และป่าบางส่วนเป็นป่าสนเขา พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สัก ยาง ประดู่ สนเขา มะม่วงป่า เต็งรัง เหียง ตะเคียนหนู ตะเคียนทอง มะค่าโมง มะค่าแต้ แดง ยมหอม ยมหิน ฯลฯ ไม้พื้นล่าง เช่น เฟิร์น บอนป่า กระเจียวป่า เป็นต้น สัตว์ป่า จากการสำรวจพบว่ามีหลายชนิดเช่น กระทิง กวาง เก้ง หมี นกชนิดต่างๆ เสือ หมูป่า ไก่ป่า ไก่ฟ้า งูชนิดต่าง ๆ เม่น อีเห็น ชะนี ลิง กระจง หมาป่า ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ทางใต้ติดกับอุทยานแห่งชาติ คลองวังเจ้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง และสหภาพพม่า
แหล่งท่องเที่ยว
น้ำตกพาเจริญ เป็นน้ำตกหินปูนเกิดจากห้วยน้ำนัก มีน้ำตลอดปีมีถึง 97 ชั้น สภาพป่าบริเวณน้ำตก อากาศเย็นสบาย ปัจจุบันมีสำนักงานวนอุทยานน้ำตกพาเจริญ มีเจ้าหน้าที่และพนักงานดูแลคอยอำนวยความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ ลานจอดรถชั่วคราว (ใช้เฉพาะบางฤดู) ลานสำหรับกางเต็นท์พักแรมปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของอำเภอพบพระ และอำเภอแม่สอดที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศชอบมาเที่ยวชมอยู่เสมอ อยู่ในเขตป่าแม่สอด
น้ำตกสายฟ้า น้ำตกสายรุ้ง อยู่ในเขตป่าแม่สอด ท้องที่หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีถนนเข้าถึง ซึ่งสามารถเข้าชมได้เฉพาะฤดูแล้งและฤดูหนาวมีต้นกำเนิดจากห้วยน้ำหนักมีน้ำตลอดปี น้ำตกมีความสวยงามตามธรรมชาติและละอองน้ำกระทบแสงแดดเป็นรุ้งกินน้ำ
บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำ เป็น บ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติ อุณหภูมิของบ่อน้ำในบ่อวัดได้ 60 องศาเซลเซียส มีถึง 3 บ่อ ในบริเวณใกล้เคียงกันตั้งอยู่ที่หมู่ 4 อำเภอพบพระ ในเขตป่าแม่สอด ปัจจุบันทางอำเภอพบพระได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจัดศาลาพักร้อนใกล้บ่อน้ำ ร้อนส่วนที่ติดกับถนน รพช. สายพบพระ-ช่องแคบ สามารถเที่ยวชมได้ตลอดปีเพราะมีถนน รพช. เป็นถนนดินลูกรังมาตราฐานและมีห้วยน้ำนักไหลผ่านด้านหลัง บ่อน้ำร้อน
น้ำตกป่าหวาย เป็น น้ำตกหินปูนเกิดจากห้วยหวายมีน้ำไหลตลอดปีมีจำนวนชั้นมากกว่า 100 ชั้น สภาพป่าบริเวณน้ำตกสมบูรณ์มาก มีไม้ตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ เนื่องจากพันธุ์ไม้บริเวณน้ำตกมีไม้หวายจำนวนมาก จึงเรียกน้ำตกป่าหวาย เป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำอุ้มเปี่ยมอยู่ใน ท้องที่ หมู่ 3 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ปัจจุบันทางอำเภอพบพระได้พัฒนาทางเข้าชมน้ำตกป่าหวายจากถนนหลวงหมายเลข 1090 ตรง กิโลเมตรที่ 40 เข้าถึงหมู่บ้านป่าหวายเป็นระยะทาง 17 กิโลเมตร และจากหมู่บ้านป่าหวายถึงน้ำตกป่าหวาย อีก 3 กิโลเมตร นับว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ อย่างดีอีกแห่งหนึ่งด้วย มีน้ำตกที่สวยงามและสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์
น้ำตกห้วยตะปูเคาะ เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของป่าแม่สอด ห่างจากถนนหลวงสาย 105 ตรงกิโลเมตรที่ 33 ประมาณ 1 กม. เกิดจากห้วยตะปูเคาะ ที่มีต้นน้ำอยู่บริเวณดอยบุญตา พื้นที่นิคมชาวเขาดอยมูเซอร์ น้ำตกหลายชั้นแตกต่างกันไป มีน้ำไหลตลอดปี แต่สวยงามมากในฤดูฝน สภาพบางช่วงยังอุดมสมบูรณ์อยู่มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่จำนวนมาก เป็นแหล่งต้นน้ำของห้วยแม่ละเมาแห่งหนึ่ง และบางส่วนถูกแผ้วถางใช้เป็นที่ทำการเกษตรอยู่ในท้องที่หมู่ 5 ตำบลแม่ละเมา อำเภอแม่สอด ปัจจุบันไม่เป็นที่รู้จักแต่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ เพราะอยู่ไม่ห่างจากถนนมากนัก ใกล้จุดชมวิวถนนหลวงสาย 105 ตรงกม. ที่ 33 และร้านค้าชาวเขาดอยมูเซอร์ การเดินเที่ยวชมสะดวกมาก เนื่องจากมีทางเดินชาวเขาเผ่ามูเซอร์ ที่ใช้ในการเดินเข้าป่าเพื่อหาของป่า ควรอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบของอุทยานแห่งชาติอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นสภาพป่าจะถูกทำลายธรรมชาติและแหล่งต้นน้ำจะไม่มี
จุดชมวิว บนถนนหลวงสาย 1090 ช่วง กม. ที่ 50 ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,018 เมตร ในฤดูหนาวจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกตามหุบเขา และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ในพื้นที่โครงการจัดที่ทำกินเฉพาะพื้นที่ เขตอำเภอพบพระได้อย่างสุดลูกหูลูกตา มีอากาศเย็นสบาย อันเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ที่สำรวจ
สิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ได้จัดสถานที่การเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง เดินทางโดยรถ บขส. จากกรุงเทพฯ-แม่สอด โดยอาศัยทางเดินหมายเลข 105 ทางตอนเหนือของ ทางหลวงหมายเลข 1090 ทางทิศตะวันตก และทิศใต้ก็จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งต่างๆ ของอุทยานแห่งชาติ น้ำตกเจริญ
การติดต่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญหมู่ 6 ต.ช่องแคบ, อ.พบพระ จ.ตาก 63160
ลักษณะภูมิประเทศ
มีลักษณะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระหว่าง 350-905 เมตร เป็นต้นน้ำของห้วยแม่ละเมา ห้วยลึก ห้วยพะวอ ห้วยแม่กาษา ห้วยแม่กิ๊ดหลวง ห้วยพะเสาะ ห้วยสะมึนหลวง และห้วยแม่ระมาด อันเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญไหลลงสู่พื้นที่เกษตรกรรมของอำเภอแม่สอด และอำเภอแม่ระมาด
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพอากาศโดยทั่วไปเย็นสบายสดชื่นตลอดปี ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 25 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 9 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนรวม 1,676 มิลลิเมตรต่อปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะพบทะเลหมอกโดยทั่วไป
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
พื้นที่ป่ามีสภาพป่าที่ยังคงความสมบูรณ์มีชนิดป่าส่วนมากเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดงดิบ จึงมีพรรณไม้มากมายหลายชนิด เช่น ยมหอม สัก พลวง ก่อ ตะแบก สมอ มะค่าโมง มะเกลือ ขะเจ๊าะ รกฟ้า แดง ฯลฯ สัตว์ป่าประกอบด้วยสัตว์ป่าประเภทต่าง ๆ หลายชนิด ได้แก่ เก้ง หมูป่า หมี ลิง ค่าง บ่าง ชะนี งูเห่า งูจงอาง กระต่าย กระรอก กระแต ไก่ป่า เสือไฟ ฯลฯ
แหล่งท่องเที่ยว
ขุนเขาพะวอ ท้องที่ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด เป็นแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สมัยโบราณ ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะแวะกราบไหว้สักการะ
หุบผาพะวอ เป็นพื้นที่ราบบนไหล่เขาหักลาดเป็นหน้าผาสูง เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ และทะเลหมอกในยามเช้า
ถ้ำนางมโนห์รา ท้องที่ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด
จุดชมวิว ท้องที่ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด บริเวณเขา 770 (ใกล้เนินพิศวง) สามารถชม ทัศนียภาพ จากยอดเขาสู่เมืองแม่สอดได้อย่างสวยงาม
ห้วยแม่ละเมา เป็นลำห้วยขนาดใหญ่ สองข้างลำห้วยมีสภาพป่าสมบูรณ์สวยงาม มีน้ำตลอดปี สามารถพัฒนาให้มีการท่องเที่ยวในลักษณะล่องแพชมธรรมชาติได้
น้ำตกป่าหมาก เป็นน้ำตกที่อยู่ในบริเวณห้วยสะมึนหลวง มีน้ำไหลตลอดปี ในท้องที่ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด
ผาปรงและจุดชมวิว เป็นหน้าผาที่มีต้นปรงอายุไม่ต่ำกว่า 70 ปี ขึ้นอยู่ทั่วไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมีจุดชมวิวในที่เดียวกัน สามารถชมความงามยามพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้อย่างสวยงามมาก ชมทัศนียภาพอำเภอแม่ระมาดในยามค่ำคืน และชมทะเลหมอกในยามเช้า ในท้องที่ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด
น้ำตกผักไผ่ (น้ำตกสมึนดั๊ม) เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี มีความสูงถึง 70 เมตร เป็นต้นน้ำห้วยแม่จะเรา ถ้ามีการพัฒนาจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอแม่ระมาด
น้ำตกผึ้งหลวง เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ติดถนนหมายเลข 1175 ประชาชนท้องถิ่นและใกล้เคียงมักมาเที่ยวชมและพักผ่อนเป็นจำนวนมาก อยู่ในท้องที่ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด
ถ้ำผาผึ้ง เป็นถ้ำที่มีความสวยงามมากโดยเฉพาะเดินไปจนสุดปลายถ้ำจะมีแอ่งน้ำธรรมชาติ ขนาดใหญ่ ถือเป็นจุดเด่นทางธรรมชาติในการเที่ยวชม ณ ถ้ำแห่งนี้
สิ่งอำนวยความสะดวก มีสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
จากจังหวัดตากใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 (เส้นทางตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 62 เข้าทางศาลพะวอ ใช้ทางเดินเท้าอีกประมาณ 750 เมตร ก็จะถึงที่ทำการชั่วคราวอุทยานแห่งชาติขุนพะวอ รวมระยะทางจากจังหวัดตาก ถึงสำนักงานชั่วคราวอุทยานแห่งชาติ ขุนพะวอ ประมาณ 62 กิโลเมตร
การติดต่อ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนพะวอ ตำบลพะวอ, อ.แม่สอด จ.ตาก
ม่อนกิ่วลม ม่อนกิ่วลม น้ำตกแม่ระเมิง บ้านพักอุทยาน
อุทยานแห่งชาติแม่เมย เริ่มมีการสำรวจว่าจัดตั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 เป็นหน่วยงานสังกัดส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติแม่เมยนั้น เพราะว่ามีแม่น้ำเมยซึ่งกั้นระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า เป็นเขตด้านทิศตะวันตกเกือบ 50 กิโลเมตร จากทิศเหนือจรดทิศใต้ อีกทั้ง แม่น้ำเมยนั้นเป็นแม่น้ำที่แปลกคือ จะไหลมาทางทิศใต้ขึ้นไปทางทิศเหนือ อุทยานแห่งชาติแม่เมยมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 185.28 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 115,800 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตำบลแม่ต้านและตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
ลักษณะภูมิประเทศ
ส่วนมากเป็นภูเขาสลับซับซ้อนมีที่ราบน้อยมาก โดยมีความสูงเฉลี่ย 680 เมตร จากระดับน้ำทะเล ( จุดสูงสุด 1,250 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ) ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ไม้ใหญ่มีน้อย เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของลำน้ำแม่สอง ลำน้ำแม่อุสุ ลำน้ำแม่สลิดหลวง และแม่น้ำเมย
ลักษณะภูมิอากาศ
จะมีฝนตกชุกมากในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - เดือนตุลาคม ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยว ฤดูร้อนอากาศค่อนข้างอบอุ่น และจะหนาวถึงหนาวจัดในฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะแก่การรองเที่ยวชมทะเลหมอกและสภาพทิวทัศน์ทั่วไปเป็นอย่างมาก
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สัตว์ที่สามารถพบเห็นได้บ่อยเช่น เก้ง หมูป่า อีเห็น ไก่ป่า และนกชนิดต่างๆ
แหล่งท่องเที่ยว
ถ้ำแม่อุสุ เป็นถ้ำที่มีลำน้ำลอดผ่าน คือ ลำน้ำแม่อุสุ ภายในมีสภาพเป็นหินงอกหินย้อยที่สวยงามมาก และยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ทำการสำรวจอีก เป็นถ้ำที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย
น้ำตกแม่สลิดน้อย เป็นน้ำตกสำหรับผู้ที่รักการเดินป่า เพราะต้องเดินจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมยประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก - กลาง เป็นต้นน้ำของลำห้วย แม่สลิดน้อยเกโกที่ไหลผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ซึ่งเป็นชั้น ๆ เรื่อยไปจนถึงชั้นสูงสุด
น้ำตกชาวดอย เป็นน้ำตกขนาดกลาง เดินเท้าเข้าชมประมาณ 1 กิโลเมตร
จุดชมทะเลหมอก ซึ่งทุกจุดจะตั้งอยู่ติดทางหลวงสายแม่สลิด - อมก๋อย
จุดชมทะเลหมอกหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ซึ่งมีความสูงประมาณ 1,100 เมตร เป็นจุดที่มองเห็นทะเลหมอกได้กว้างไกลมาก รวมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก อีกทั้งเป็นจุดชมวิวที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่นิยมการเดินป่า เพราะจะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง และต้องพักค้างแรม 1 คืน เพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงาม
ม่อนครูบาใสและม่อนพูนสุดา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร สามารถชมทะเลหมอกยามเช้าและชมพระอาทิตย์ตกดินได้ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ประมาณ 7 กิโลเมตร
ม่อนกิ่วลม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุด เพราะจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเหนือทะเลหมอก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ประมาณ 14 กิโลเมตร
สิ่งอำนวยความสะดวก
ทางอุทยานแห่งชาติแม่เมย มีบ้านพักไว้บริการ หากนักท่องเที่ยวถ้าต้องการสัมผัสกับธรรมชาติ ก็มีที่กางเต็นท์ ณ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย และบริเวณจุดชมทิวทัศน์ม่อนกิ่วลม
สิ่งอำนวยความสะดวก
ทางอุทยานแห่งชาติแม่เมย มีบ้านพักไว้บริการ หากนักท่องเที่ยวถ้าต้องการสัมผัสกับธรรมชาติ ก็มีที่กางเต็นท์ ณ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย และบริเวณจุดชมทิวทัศน์ม่อนกิ่วลม
การเดินทาง
โดยทางรถยนต์จากจังหวัดตาก มาอำเภอแม่สอดและอำเภอแม่สองยาง โดยใช้เส้น ทางสายแม่สอด - แม่สะเรียง หมายเลข 105 ประมาณ 84 กิโลเมตร แยกก่อนถึงบ้านแม่สลิดหลวง ประมาณ 11 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย
การติดต่อ
อุทยานแห่งชาติแม่เมย ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 63150 โทรศัพท์ : (055) 519644
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอแม่สอด และอำเภอเมือง จังหวัดตาก สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสูงชันอุดมสมบูรณ์ดี และมีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ทั้งมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ คือ สะพานหิน ซึ่งเชื่อว่าครั้งหนึ่งเคยมีการยกทัพผ่านทางสะพานหินธรรมชาติแห่งนี้ และต้นกระบากที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตลอดจนจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามต่าง ๆ มีเนื้อที่ประมาณ 149 ตารางกิโลเมตร หรือ 93,125 ไร่ ได้มีประกาศจัดตั้งให้เป็น "อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช" เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2524
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชัน มีภูเขาสลับซับซ้อน ตลอดเนื้อที่มีที่ราบอยู่เพียงเล็กน้อย จุดเด่นที่น่าสนใจโดยทั่วไปอยู่บนทิวเขาถนนธงชัยในตอนสันปันน้ำแบ่งเขตอำเภอ เมืองตากอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ส่วนที่สูงที่สุดอยู่ในตอนกลางของพื้นที่มีความสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แล้วลาดต่ำลงไปทั้งสองข้าง ลักษณะของดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทรายและเป็นดินเหนียวปนลูกรัง
ลักษณะภูมิอากาศ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุกในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ส่วนฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อุณหภูมิประมาณ 6 องศาเซลเซียส
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าประกอบไปด้วย ป่าดงดิบ ส่วนใหญ่อยู่บริเวณต้นกระบากใหญ่ สะพานหินธรรมชาติมีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ คือ ไม้กระบาก ไม้หวด ไม้มะไฟ ไม้ยมหอม เป็นต้น ป่าสนเขา ป่าชนิดนี้ มักอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตรขึ้นไป ป่าดิบเขาขึ้นอยู่ตามเทือกเขาสูงใกล้สันปันน้ำมี พรรณไม้ที่สวยงามสำคัญ คือ ไม้ก่อ ไม้เส้า ไม้เนื้ออ่อน เป็นต้น ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณมีอยู่ทั่ว ๆ ไป พันธุ์ไม้ที่สำคัญ คือ เต็ง รัง เหียง พลวง ตะแบก ประดู่ มะค่าโมง ยมหิน เปล้า เก็ดแดง มะเกลือ และไม้ไผ่ต่าง ๆ
สำหรับสัตว์ป่าในบริเวณนี้ประกอบด้วย เลียงผา เก้ง กวาง เสือไฟ หมูป่า ลิง หมี ค่าง กระต่าย กระรอก นกเอี้ยง ไก่ป่า เป็นต้น
แหล่งท่องเที่ยว
ต้นกระบากใหญ่ มีขนาดโตวัดได้โดยรอบ 16.10 เมตร และสูงประมาณ 50 เมตร เป็นต้นกระบากที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงจุดนี้ประมาณ 4 กิโลเมตร
สะพานหิน มีลักษณะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่ เชื่อมติดกับหน้าผาสองแห่งเข้าด้วยกันมีความกว้างและความสูง 25 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร เบื้องล่างมีลำธารไหลผ่านตลอดปี สภาพป่าโดยรอบเขียวชะอุ่ม ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจยิ่ง สะพานหินธรรมชาติอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร
น้ำตกแม่ย่าป้า เป็นน้ำตกขนาดกลางที่เกิดจากลำห้วยแม่ย่าป้า มีน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นตามร่องห้วยมี 9 ชั้น แล้วไหลลงสู่ลำห้วยแล้งแม่ท้อ บริเวณฝั่งของธารน้ำตกเป็นป่าร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจยิ่งนัก
สิ่งอำนวยความสะดวก มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
การเดินทาง
จากจังหวัดตากเดินทางโดยรถยนต์ ไปตามถนนสายตาก-แม่สอดเป็นระยะทาง 33 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าอุทยานฯ ให้เลี้ยวขวา แล้วเดินทางต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร จึงจะถึงที่ทำการอุทยานฯรถยนต์สามารถเดินทางได้สะดวกทุกฤดูกาล
การติดต่อ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช หมู่ 6 ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก 63000 โทรศัพท์ : (055) 511429
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่นแต่เดิมเป็นป่าเตรียมการสงวนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จากการไปตรวจราชการ ของนายอุดม หิรัญพฤกษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานเสนอความเห็นไปยังกรมป่าไม้ ว่าสภาพป่าบริเวณเขตติดต่อระหว่างอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีความชุ่มชื่นมากมีสัตว์ป่าชุกชุม สมควรประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต่อไป กรมป่าไม้โดยกองอนุรักษ์สัตว์ป่าจึงได้ทำการสำรวจตรวจสอบเบื้องต้น แล้วดำเนินการตามขั้นตอนเรื่อยมา จนกระทั้งมีประกาศพระราชกฤษฏีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ตื่น ในท้องที่ตำบลยางเปียง ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย ตำบลมืดกา อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลบ้านนา อำเภอสามเงา ตำบลแม่ตื่น ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อ พ.ศ. 2521 ครอบคลุมพื้นที่ ประมาณ 1,500,000 ไร่ โดยประกาศในราชกิจานุเบกษาฉบับพิเศษ หน้า 1 - 4 เล่ม 95 ตอนที่ 80 วันที่ 10 สิงหาคม 2521 เนื่องจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จังหวัดเชียงใหม่ และตาก ตามพระราชกฤษฏีกา พ.ศ. 2521 มีเนื้อที่กว้างขวางมาก สภาพภูมิประเทศ เป็นเทือกเขาสลับซ้อนซ้อน การคมไม่สะดวก ยากแก่การติดต่อประสานงาน ฉะนั้นเพื่อให้งานจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลอย่างเต็มที่ จึงแบ่งเขตรักษาพันธุสัตว์ป่าแม่ตื่นเดิมออกเป็น 2 ส่วน คือบริเวณที่ดินด้านทิศเหนือ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และบริเวณที่ดินด้านทิศใต้ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ในปัจจุบันตามพระราชกฤษฏีกา พ.ศ. 2526 ประกาศในราชกิจจานุเบกฉบับพิเศษ หน้า 20 เล่ม 100 ตอนที่ 135 วันที่ 19 สิงหาคม 2526
ลักษณะภูมิประเทศ
ส่วนใหญ่เป็นทิวเขาสูงชัน สลับซับซ้อน เป็นป่าเขาที่ครอบคลุมพื้นที่ต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยใหญ่น้อยสายต่าง ๆ จำนวนมากไหลลงสูงน้ำแม่ตื่น แล้วไหลออกบรรจบแม่น้ำปิง ลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลตามลำดับ ภาพโดยรวมของพื้นที่มีลักษณะเป็นแนวเขา โดยล้อมพื้นที่ไว้ 3 ด้านคล้ายรูปยูตะแคง โดยหันหัวไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำเขึ่อนภูมิพล และมีน้ำแม่ตื่นพาดผ่านกลางพื้นที่ในแนว เหนือ - ใต้ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน ด้านทิศตะวันตกเฉลียงใต้ของพื้นที่มีเทือกเขาสูงจากตอนกลางออกมา เป็นเทือกเขาที่มีหน้าผาหินบนสันเขาลักษณะเดียวกับดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่ ยอดเขาที่สูงที่สุดในพื้นที่อยู่บนเทือกเขานี้ สูง 1,664 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศแบ่งเป็น 3 ฤดู คือ
1. ฤดูร้อน ระหว่างเดือน มีนาคม - พฤษภาคม
2. ฤดูหนาว ตุลาคม - กุมภาพันธ์
3. ฤดูฝน “ พฤษภาคม - ตุลาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,926 ลบ.มม.
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง และความชื้นต่างระดับกันทำให้มีสภาพป่าที่แตกต่างกัน หลายประเภท พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สัก เต็ง รัง ก่อ มะห้า เมี่ยง ขนุนป่า ไม้ไผ่ ประดู่ ตีนนก ตะแบก มะกอก สนสองใบ สนสามใบ พลวง พยอม ทรัพยากรสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ยังมีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าที่อพยพมายังพื้นที่ที่กักเก็บน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ขุนห้วยส่วนมากมีความชุ่มชื้น มีพื้นป่าหลากหลายที่เป็นอาหารสัตว์ สัตว์ป่าที่มีเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเห็น ไก่ป่า เก้ง และจำพวกนกชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนได้แก่ กวางผา เลียงผา และเก้งหม้อ
จุดเด่นที่น่าสนใจ
การล่องแพชมธรรมชาติสองฝั่งน้ำแม่ตื่น นั่งเรือชมหน้าผาหินบริเวณสองฝั่งแม่น้ำปิงจนถึงเชื่อภูมิพล และบนดอยสอยมาลัย ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงสุด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าดิบเขาและอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ตลอดจนอากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ความสำคัญของพื้นที่
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น เป็นโครงการป่าอนุรักษ์โครงการหนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับป่าอนุรักษ์ทั้งทางด้านทิศเหนือ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และทิศตะวันออก คือ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ก่อให้เกิดเขตป่าอนุรักษ์ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นผลดีต่อทรัพยากรสัตว์ป่าและป่าไม้ เป็นแหล่งหยุดพักของนกที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศ
การเดินทาง
การเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จังหวัดตาก วิธีที่สะดวก คือการเดินทางโดยรถยนต์ แยกจากถนนพหลโยธินที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 1175 สายบ้านตาก - แม่ระมาก ประมาณ 52 กิโลเมตร ก่อนจะถึงหน่วยพิทักษ์ป่ากองจะมีทางแยกขวาไปตามถนนลูกรัง ประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการเขตฯ
สิ่งอำนวยความสะดวก
บ้านพักบริเวณที่ทำการเขตฯ 1 หลัง พักได้ 10 คน แพที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยริน พักได้ 15 คน
ป่าท้องที่อำเภออุ้มผางมีพื้นที่ป่าติดต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่ง ใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง อุทยานแห่งชาติคลองลาน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาตืคลองวังเจ้า และประเทศพม่า แต่เดิมเป็นพื้นที่เขตแทรกซึมของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้ ต่อมาสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป พลตรีรวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้มีหนังสือลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2526 เชิญผู้อำนวยการกองอนุรักษ์สัตว์ป่าร่วมสำรวจสภาพป่าตั้งแต่ตอนใต้อำเภออุ้ม ผาง ผลปรากฏว่าสภาพป่าส่วนใหญ่ยังมีสมบูรณ์มาก มีบางส่วนถูกชาวเขาแผ้วถางเป็นหย่อม ๆ เพื่อเป็นการสกัดกั้นมิให้มีการบุกรุกแผ้วถางป่าเพิ่มขึ้น จึงได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเพื่อกำหนดเป็นเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อวันที่18 มีนาคม 2526 ประชุมเห็นชอบให้ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าขึ้นใหม่ โดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจข้อมูลโดยละเอียดในปี 2526 จนกระทั่งได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่กลองและป่า อุ้มผาง ในท้องที่ตำบลโมโคร ตำบลหนองหลวง ตำบลอุ้มผาง ตำบลแม่จัน และตำบลแม่ละมุ้ง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อปีพ.ศ. 2532 เนื้อที่ประมาณ 1,572,281 ไร่ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ หน้า 29 เล่ม 106 ตอนที่ 60 ลงวันที่ 17 เมษายน 2532 ต่อมาได้ผนวกพื้นที่ป่าสมบูรณ์เพิ่มเติม และประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2537 มีเนื้อที่ประมาณ 1,6119,280 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนบางแห่งเป็นหน้าผาสูงชัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100-2,152 เมตร มีที่ราบตามหุบเขา เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลอง
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากอำเภออุ้มผางมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศพม่าและสภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ .จึงทำให้มีฝนตกชุก ตั้งแต่เดือนมีนาคม-ตุลาคม และทำให้ภูมิอากาศเย็นสบายเกือบตลอดปีและหนาวมากในฤดูหนาว
ชนิดป่าและพรรณไม้
สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบเขาและดงดิบชื้น มีป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่กระจัดกระจายเป็นแห่ง ๆ และมีป่าไม้สักอยู่สองฝั่งลำน้ำแม่กลอง จากตัวอำเภออุ้มผางถึงบ้านปะหละทะพรรณไม้ที่มีค่าได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตะเคียน สัก ประดู่ ตะแบก เต็ง รัง ยมหอม เสลา แดง ฯลฯ
สัตว์ป่า
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางมีพื้นที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่- ห้วยขาแข้ง อุทยานแห่งชาติแม่วงก์-คลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า และติดต่อกับประเทศพม่า จึงทำให้เป็นพื้นที่แพร่กระจายของสัตว์ป่าจากพื้นที่ใกล้เคียง สัตว์ป่าเท่าที่พบมี เสือดาว กวาง เก้ง ค่าง กระทิง ช้าง หมี เสือโคร่ง ลิงชะนี สมเสร็จ เลียงผา เก้งหม้อ ฯลฯ และสัตว์ป่าจำพวกนกจำนวนมาก
จุดเด่นที่น่าสนใจ
เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าต้นน้ำ มีน้ำตามลำห้วยไหลตลอดปี และภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน จึงก่อให้เกิดเป็นน้ำตกขนาดเล็กและใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป แต่จุดที่น่าสนใจ คือ
น้ำตกทีลอซู เป็นน้ำตกที่เกิดจากห้วยกล้อทอ ตกจากหน้าผากว้าง เป็นชั้นลดหลั่นกัน ลงมา มีน้ำไหลตลอดปี แต่ช่วงฤดูแล้งปริมาณน้ำจะลดลง
บึงน้ำเขียว เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ 2 หนองคู่ น้ำจะสีใสจนมีสีเขียว และมีปลา ชุกชุม รอบหนองน้ำมีสภาพป่าที่สมบูรณ์
น้ำตกทีลอเล เป็นน้ำตกที่มี 2 ชั้น สายน้ำไหลตกสู่ ห้วยแม่กลอง
การเดินทาง
การเดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ตั้งต้นเดินทางที่อำเภอแม่สอด-อุ้มผางระยะทางประมาณ 164 กม. มีรถโดยสาร 2 แถวเล็ก จากอำเภออุ้มผาง - หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวง เป็นทางลูกรัง ระยะทาง 15 กม.ต่อจากหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวงถึงที่ทำการเขตฯ (น้ำตกทีลอซู) เป็นทางลำลองวิ่งได้เฉพาะหน้าแล้ง ระยะทางประมาณ 25 กม. (ไม่มีรถโดยสาร)
สิ่งอำนวยความสะดวก
ไม่มี
การติดต่อ
ฝ่ายจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้
สำนักงานป่าไม้เขตตาก จ.ตาก
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก
ในอดีต อุ้มผางเดิมทีเป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ต่อมาก็มีคนไทยจากภาคเหนือคือ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ ได้อพยพหาที่ทำกินใหม่มาบุกเบิกป่าอุ้มผางเป็นที่อยู่อาศัย และเมื่อปี พ.ศ. 2432 ได้ถูกกำหนดให้เป็นเมืองหน้าด่านชายแดนตะวันตก ขึ้นตรงกับ จ.อุทัยธานีและเป็นจุดตรวจตราชาวพม่าที่เดินทางเข้ามาค้าขาย ในประเทศไทยโดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเอกสารเดินทาง เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขารกทึบ การเดินทางค่อนข้าง ลำบากและเอกสารฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นการเก็บเอกสารจึงม้วนเก็บในกระบอกไม้ไผ่และมีฝาจุกปิดมิดชิด เมื่อเดินทางมาถึงด่านตรวจก็จะเปิดกระบอกไม้ไผ่เพื่อแสดงเอกสาร ชาวกะเหรี่ยงจะเรียกเอกสารนี้ว่า "อุ้มผ๊ะ" ซึ่งต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยนมาเป็น "อุ้มผาง" จึงได้กลายมาเป็นชื่ออำเภอในปัจจุบันนี้
พ.ศ. 2469 ทางการได้ยุบอำเภอแม่กลองเป็นกิ่งอ.แม่กลองและโอนการปกครองจาก จ.อุทัยธานีให้ไปขึ้น กับ จ.กำแพงเพชร และในปี พ.ศ. 2499 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปอยู่บ้านอุ้มผาง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น กิ่ง อ.อุ้มผางใน วันที่ 22 เมษายน 2502 ทางการได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะจากกิ่งอำเภอ เป็น อ.อุ้มผางและให้ขึ้นกับ จ.ตาก
อุ้มผาง เป็นอำเภอที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 4,325 ตร.กม. หรือ 2,703,362 ไร่ สภาพพื้นที่ 97 % เป็นผืนป่าและภูเขา มีพื้นที่ราบ เพียง 3 % และมีพรมแดนติดกับประเทศพม่ายาว 180 กม.
ดินแดนแห่งไข้ป่าและสัตว์ร้าย... ในสมัยก่อนหากใครมาเป็นข้าราชการที่อุ้มผางถือว่าดวงตกสุดๆ เพราะกิตติศัพย์เรื่องไข้ป่าจนใครได้ยินชื่ออุ้มผางยังผวา และเป็นที่ร่ำลือกันว่าหากใครถูกย้ายไปอยู่อุ้มผาง บางคนถึงกับ ลาออกจากหน้าที่การงานหรือสั่งทางบ้านให้ไปเก็บกระดูกตัวเองได้เลยและเวลา ข้าราชการไปรับเงินเดือนก็ต้องไปรับที อ.แม่สอด การเดินทางก็ต้องใช้ช้างหรือม้าเดินทางประมาณ 4 วัน 3 คืน
วิถีชีวิตและความเป็นอยู่... ในอดีตการดำรงค์ชีวิตของชาวอุ้มผาง สิ่งที่สามารถทำมาค้าขายกับโลกภายนอกได้ก็คือการเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเอาไป ขาย เพราะถ้าจะเอาผลผลิตทางการเกษตรอย่างอื่นไปขายมันลำบากในการขนย้ายในการต้อน วัวควายไปขาย ชาวบ้านก็จะนัดหมายเอาวัวควายมารวมกันแล้วต้อนวัวควายสู่ จ.กำแพงเพชร โดยผ่านผืนป่า ห้วยขาแข้ง ดินแดนแห่งไข้ป่าและเสือร้าย ต้องรอนแรมกลางป่ากันถึง 15 วัน ตกค่ำกลางป่าก็ต้องต้อนวัวควายมารวมกลุ่มและนั่งเฝ้ายามป้องกันเสือมาขโมย กิน พอขายได้เสร็จเรียบร้อยก็ซื้อของกลับบ้านเดินทางกลับตามเส้นทางเดิมอีก เดินทางไป - กลับแต่ละครั้งก็หนึ่งเดือน หากใครโดนสัตว์ร้ายไข้ป่าก็จะหาสมุนไพรมาทากิน
โค่นป่าล่าสัตว์...เมื่อประมาณ 70 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทไม้แห่งหนึ่งได้รับสัมปทานทำไม้สัก จึงได้ตัดไม้ นับหมื่นท่อน ล่องมาตามลำน้ำห้วยแม่กลอง แต่ทว่าเกิดอุบัติเหตุทำให้ท่อนซุงไม้สักประมาณครึ่งหนึ่งต้องไปติดอยู่ใน ถ้ำน้ำมุด จึงต้องยกเลิกการทำไม้ลง ส่วนการล่าสัตว์เพื่อการค้ายังไม่มีเพราะเป็นดินแดนไกลปืนเที่ยง
พ.ศ. 2514 พรรคคอมมินิสต์แห่งประเทศไทยได้เริ่มการเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้มีการสู้รบกันบ้างระหว่าง เจ้าหน้าที่ของรัฐคือตำรวจตระเวนชายแดน น.ป.พ. และ อ.ส. ด้วยการใช้นโยบาย 66/2523 จึงนำความสงบสุขมาสู่ชาว อุ้มผางและมวลชนที่เข้ามามอบตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยประมาณสองพันกว่าคนในช่วง พ.ศ. 2527
จากการที่อุ้มผางเป็นเมืองปิดมาช้านาน ทางการได้ทำการตัดถนนจาก อ.แม่สอด สู่ อ.อุ้มผาง ลัดเลาะตาม ไหล่เขาและสันเขา 165 กม. ซึ่งเป็นที่มาของ ถนนสายลอยฟ้า ระยะทางก่อสร้างกว่า 10 ปี เสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 เรื่องราวในอดีตก็ปิดตัวเองลง ประตูแห่งเมือท่องเที่ยวก็ได้เปิดออกเมื่อ นายแพทย์บรรลือ กองไชย ได้เข้ามารับหน้าที่ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง ท่านได้ชักชวนให้นิตยสารการท่องเที่ยวเข้ามาและการค้นพบของน้ำตกอันยิ่งใหญ่ กลางผืนป่าและธรรมชาติอันสวยงามของต้นน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันคนอุ้มผางไม่น้อยที่หันมาทำธุระกิจท่องเที่ยว เริ่มจากการใช้แพไม้ไผ่ล่องแก่งและพัฒนามาเป็นเรือยาง โดยได้รับคำแนะนำในการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ในรูปแบบการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ECO TOURISM คนอุ้มผางแท้ๆในปัจจุบันจึงเป็นคนรุ่นที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
10 กว่าปีที่ตัวกระผมคลุกคลีกับเส้นทาง กะเหรี่ยงลอยฟ้า 165 กม. จาก อ.แม่สอด สู่ อ.อุ้มผาง 1,219 โค้ง แต่ที่กระผมจำได้มี 2 โค้งคือโค้งซ้ายและโค้งขวาครับ! หลังจากประตูสู่อุ้มผางเปิดออก เส้นทางสู่ น้ำตกทีลอซู อันยิ่งใหญ และสายน้ำมหัศจรรย์ของ น้ำตกทีลอเล รวมทั้งการล่องแพไม้ไผ่ในการสำรวจยุคแรกๆ พวกเราไม่รู้ว่าแพจะแตกเมื่อไหร่ นอนกลางดิน กินข้าวลิง กับการใช้กระบอกไม้ไผ่ให้เป็นประโยชน์ อาทิ หุงข้าว ทำแกง แก้วกาแฟ กระบอกใส่น้ำกลางป่า มันคือมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผมไปเยี่ยมเยือนอย่างไม่เคยขาดหลังจากเรือยางลำแรก ได้นำมาแทนที่แพไม้ไผ่เมื่อปี พ.ศ. 2536 และกระแสอนุรักษ์เข้ามาแทนที่การตัดไม้ไผ่มาทำแพ เรือยางลำที่สอง-สาม-สี่ ก็ทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ เสียงจากปากต่อปากบอกเล่าถึงสายน้ำตกอันยิ่งใหญ่และบรรยากาศของการล่องแก่ง อันสวยงาม จำนวนนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้านพัก รีสอร์ท ก็ผุดขึ้นมากมาย ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งทั่วประเทศในขณะนี้
แหล่งท่องเที่ยว
ต้นน้ำแม่กลอง : แม่น้ำแม่กลอง ต้นกำเนิดมาจากสายน้ำใหญ่น้อยในเทือกเขาสูงของป่าอุ้มผางอันประกอบด้วย ห้วยแม่กลอง ห้วยอุ้มผาง ห้วยกล้อทอ ห้วยแม่จัน ห้วยแม่ละมุ้ง ฯลฯ ใหลสู่ จ.กาญจนบุรี เรียกว่าแม่น้ำแคว และรวมกับแม่น้ำแควน้อย ใหลสู่ จ.ราชบุรี ออกทะเลอ่าวไทยที่ จ.สมุทรสงคราม เรียกว่าแม่น้ำแม่กลอง จัดว่าเป็นแม่น้ำที่สำคัญอีกสายหนึ่งของไทย
น้ำตกทีลอซู : น้ำตกทีลอซู เป็นน้ำตกขนาดใหญ่กลางผืนป่าตะวันตก มีจำนวน 3 ชั้น ซึ่งสายน้ำใหลมาจากห้วยกล้อทอ ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง "ทีลอ" แปลว่า น้ำตก "ซู" แปลว่าเสียงดัง, ยิ่งใหญ่, ดำ น้ำตกทีลอซู จึงหมายถึงน้ำตกที่ยิ่งใหญ่และมีเสียงดัง การท่องเที่ยวน้ำตกทีลอซู ในหน้าหนาวและหน้าร้อน (ธ.ค.-เม.ย.) สามารถนั่งรถเข้าไปเที่ยวได้ หาก
เป็นหน้าฝนจะต้องเดินเท้าเข้าไปเหมาะกับท่านที่ชอบลุย
ดอยหัวหมด : ดอยหัวหมด เป็นภูเขาที่ลักษณะโล้นเลี่ยน เหมาะกับการเดินเท้าขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ โดยเฉพาะในหน้าหนาว จะมีทะเลหมอกและมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นอันสวยงาม การเดินเท้าจากลานจอดรถใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ถ้ำตะโค๊ะบิ๊ : ถ้ำตะโค๊บิ๊ เป็นถ้ำที่ยาวมาก ในอดีตเคยเป็นที่พักอาศัยของกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวแวะไปท่องเที่ยวชมหินงอกหินย้อย แม้ว่าจะเป็นถ้ำที่ตายคือไม่มีหินงอกหินย้อยเกิดใหม่แล้ว
น้ำตกทีลอจ่อ : น้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝน เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสู่ห้วยแม่กลอง หากล่องเรือสายน้ำแม่กลองก็จะ เห็นสายน้ำตกใหลโปรยปรายคล้ายสายฝนตกตลอดเวลา
น้ำตกทีลอเล : น้ำตกที่ลอเล เป็นน้ำตกที่อยู่ทางใต้สุดของ อ.อุ้มผาง เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่ไหลตกสู่ห้วยแม่กลอง การเดินทางไปท่องเที่ยวต้องล่องเรือยางไปประมาณวันครึ่ง ขากลับต้องเดินป่าออกบ้านกะเหรี่ยงปะละทะหรือกะเหรี่ยงบ้านเซปละ ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 วัน น้ำตกทีลอเลแปลว่าน้ำตกหิน และจัดว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและคลาสสิคอีกแห่งหนึ่ง
ในปัจจุบัน อ.อุ้มผาง เป็น 1 ใน 8 อำเภอของ จ.ตาก อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ห่างจากตัวเมือง 249 กม. ทิศเหนือติด อ.พบพระ จ.ตาก ทิศใต้ติด อ.สังขละบุรี และ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ทิศตะวันออกติด จ.แพงเพชร, จ. นครสวรรค์ และ จ.อุทัยธานี ทิศตะวันตกติดกับประเทศพม่า
อุ้มผางวันนี้คือดินแดนหลากวัฒนธรรมและหลายธรรมชาติ ยังคงต้อนรับผู้มาเยือนด้วยมิตรไมตรี
พระบรมธาตุบ้านตาก : พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย (แทนพระเจดีย์ชเวดากอง)
พระบรมธาตุบ้านตาก พระเจ้าทันใจ เจดีย์ยุทธหัตถี
• วัดพระบรมธาตุ(พระ ธาตุบ้านตาก) เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์มาหลายครั้งแล้ว ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่สวยงาม หน้าบัน และจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันไดเป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้น มีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารมีอากาศเย็นและมีหลวงพ่อทันใจซึ่งเป็นที่สักการะบูชา ของชาวเมืองตากและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งมีพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองอยู่ภายในวิหาร นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารไม้เก่าแก่ที่มีลายแกะสลักไว้ให้ชม นับเป็นวัดที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีมาก
การเดินทาง จากอำเภอเมืองตากใช้ทางหมายเลข 1107 สายตาก-บ้านตาก ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ
ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้วจังหวัดตากยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เป็นศูนย์รวมแหล่งผลิตดอกไม้ และพืชผลทางการเกษตรอยู่บนเส้นทางสายแม่สอด-พบพระ-อุ้มผาง ทางหลวงหมายเลข 1090 หากมาจากอำเภอแม่สอดเริ่มจากกิโลเมตรที่ 28 ให้แยกซ้ายเข้าไป 1 กิโลเมตร จะพบ สวนเทพพิทักษ์ มีเนื้อที่กว่า 900 ไร่ เป็นสวนที่คิดค้นปลูกทับทิมสายพันธุ์ใหม่ที่มีรสชาติหวาน กรอบ เมล็ดสีแดงสด
คือ ทับทิมศรีปัญญา นอกจากนั้นยังปลูกส้มศรีทอง ส้มสายน้ำผึ้ง น้อยหน่า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณบุปผา ไชยนอก โทร. 0 5552 0295, 0 1785 5087 และบริเวณกิโลเมตรที่ 29 ใช้เส้นทางเดียวกับสวนผลไม้เทพพิทักษ์แต่เลยไป 500 เมตร อยู่ก่อนถึงน้ำตกพาเจริญ จะพบ สวนสายทอง เป็นที่ปลูกสวนกุหลาบทั้งพันธุ์มีหนาม และไม่มีหนาม กุหลาบสีแดงจะเป็นพันธุ์ที่ไม่มีหนาม ส่วนดอกสีขาว และสีชมพูจะเป็นพันธุ์ที่มีหนาม ดอกกุหลาบที่สวนนี้ดอกโต สีสด ก้านยาว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวนสายทอง โทร. 0 5552 0111, 0 1785 1420 สวนเกษตรดังกล่าวนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชม และซื้อผลผลิตได้ นอกจากนั้นทางศูนย์บริการท่องเที่ยวการเกษตรมีแปลงที่ปลูกดอกกุหลาบทั้งพันธุ์ที่มีหนาม และไม่มีหนาม อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 31-32 สายแม่สอด-พบพระ หากนักท่องเที่ยวต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะทางศูนย์ฯ มีวิทยากรนำชมให้ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรได้ โดยติดต่อผ่านสำนักงานการเกษตรอำเภอพบพระ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5556 9091
ล่องแก่งเรือยางและล่องแพ
ล่องแก่งเรือยางลำน้ำแม่ละเมา จุดเริ่มต้นตรงหลักกิโลเมตรที่ 50 สายตาก-แม่สอด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ผ่านป่าเขาท่ามกลางธรรมชาติ แล้วยังได้ศึกษาพันธุ์ไม้น้ำ นกนานาชนิด และผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ
ล่องแก่งเรือยางลำน้ำแม่ตื่น เริ่มต้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่นไปตามลำน้ำชมธรรมชาติของป่าเขาสอง ฝั่งลำน้ำที่สวยงาม มีทั้งกล้วยไม้ป่า นกนานาชนิด ชมวิถีชีวิตชาวเขา ศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ พักแค้มป์ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น หรือพักบนแพที่เกาะวาเลนไทน์
การล่องแพและเรือในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นการท่องเที่ยวทางน้ำด้วยการล่องแพโดยใช้เรือลากจูง หรือเดินทางด้วยเรือสำราญ จะได้สัมผัสกับธรรมชาติและภูมิประเทศป่าเขา ผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ พระพุทธบาทเขาหนาม เกาะวาเลนไทน์ ดอยเจ้าพ่อหลวง เขาพระพุทธบาท ถ้ำอาบนาง โบราณสถานแก่งสร้อย จนถึงดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะทาง 204 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต 4 จังหวัดตาก โทร. 0 5551 4341-3 และมีบริษัทเอกชนที่จัดล่องแพ ได้แก่ บริษัท ท่องนที จำกัด กรุงเทพฯ โทร. 0 2457 3428, 0 2457 6873-4, 0 2467 2557 บริษัท เอเดลไวซ์ ปริ๊นเซส จำกัด กรุงเทพฯ โทร. 0 2931 2810-4 แพแม่ปิง ทัวร์ (ทองอินทร์ ทัวร์) ติดต่อคุณนุสิทธิ์ โคกทอง 76/2 หมู่ 2 ตำบลสามเงา อำเภอสามเงา จังหวัดตาก 63160 โทร. 0 5554 9310 แพแม่ปิง รีสอร์ท ติดต่อคุณสมมาตร สุวรรณทิพเนตร 123 หมู่ 5 ตำบลบ้านนา อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โทร. 0 5559 9061, 0 1953 4287
เทศกาลและงานประเพณี : อาหารพื้นบ้าน จ.ตาก
เทศกาลและงานประเพณี
ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นประเพณีเก่าของชาวจังหวัดตากที่สืบทอดกันมาช้านาน และแตกต่างจากการลอยกระทงทั่ว ๆ ไป คือ ตัวกระทงทำด้วยกะลามะพร้าว หรือวัสดุธรรมชาตินำมาตัดเย็บเป็นกระทง ชาวบ้านจะนำกระทงซึ่งภายในบรรจุด้วยขี้ไต้ หรือเชื้อเพลิงที่เตรียมไว้แล้วจุดไฟปล่อยลงในแม่น้ำปิง กะระยะห่างเท่า ๆ กัน สม่ำเสมอไม่ขาดสาย จะทำให้กระทงส่องแสงระยิบระยับ เต็มท้องน้ำลอยไปตามสายน้ำของลำน้ำปิงดูสวยงาม ภายในงานจะมีการแข่งขันปล่อยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
งานตากสินมหาราชานุสรณ์และงานกาชาด สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชบูรพกษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราช ของชาติไทยเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชประวัติผูกพันกับจังหวัดตากเป็น อย่างมาก ชาวจังหวัดตากจึงได้จัดงานประเพณีตากสินราชานุสรณ์ขึ้นเพื่อเป็นการแสดง วีรกรรมเทิดพระเกียรติ และเผยแพร่วีรกรรมของพระองค์ ภายในงานจะมีการแสดงแสงเสียงเทิดพระเกียรติ การบวงสรวงดวงวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การแสดงนิทรรศการ และการแสดงมหรสพต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม ถึงวันที่ 3 มกราคมของทุกปี
ประเพณีขึ้นธาตุเดือน 9 งานขึ้นธาตุเดือน 9 เป็นงานบุญที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการบูชาพระบรมธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำหนดการจัดงานจัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ ตรงกับเดือน 9 ของภาคเหนือ หรือตรงกับเดือน 7 ของไทย ช่วงประมาณเดือนมิถุนายน หรือปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี ภายในงานจะมีการจัดขบวนแห่ เช่น ขบวนกลองยาว ขบวนปัจจัยไทยทาน ขบวนต้นเงิน ขบวนต้นผ้าป่า ขบวนตุงไชย ผ้าห่มองค์พระธาตุ โดยเริ่มจากหนองเล่มผ่านสะพานบุญไปยังวัดพระบรมธาตุ เพื่อทำพิธีถวายผ้าห่มองค์พระธาตุ และทำพิธีบวงสรวงเจดีย์ยุทธหัตถีซึ่งเป็นเจดีย์ที่พ่อขุนรามคำแหงฯ ได้สร้างไว้ในคราวทำสงครามยุทธหัตถีชนะขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดพระบรมธาตุ และจะทำพิธีทำบุญตักบาตรตามประเพณี ณ วัดพระบรมธาตุ
อาหารพื้นบ้าน
เมี่ยงคำเมืองตาก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมี่ยงจอมพล ลักษณะเด่น และส่วนประกอบของเมี่ยง คือ มะพร้าวขูด ข้าวตากแห้งทอด ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง แคบหมู มะนาว หัวหอมแดง ขิงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พริกขี้หนูสด เต้าเจี้ยว ข้าวเกรียบชุบน้ำให้อ่อนตัว แล้วนำส่วนประกอบทั้งหมดห่อด้วยข้าวเกรียบ ใส่น้ำเต้าเจี้ยวห่อให้พอดีคำรับประทานเป็นของว่างซึ่งเป็นอาหารพื้นเมือง ที่นิยมกันมากในจังหวัดตาก และจังหวัดใกล้เคียง
ก๋วยเตี๋ยวพื้นเมือง ลักษณะเด่นของก๋วยเตี๋ยวที่นี่ คือ ใช้เส้นเล็กปรุงด้วยกุ้งแห้งป่น แคบหมูชิ้นเล็ก หอม กระเทียมเจียว หมูบะช่อ ถั่วฝักยาวหั่นเฉียง น้ำตาลทราย น้ำมะนาว น้ำปลา มีทั้งก๋วยเตี๋ยวแห้ง และน้ำ ปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียง 2 ร้าน ได้แก่ ร้านป้าบาง ในเขตอำเภอเมืองตาก และร้านป้าหล้า ถนนอินทรคีรี อำเภอแม่สอด
กะบองจ่อ เป็นอาหารทานเล่นชนิดหนึ่ง ชื่ออาหารมาจากภาษาพม่า คำว่า “จ่อ” หมายถึง ทอด “กะบอง” หมายถึง ฟักทอง โดยจะนำฟักทองมาชุบแป้งก่อนทอด ทำให้มีสีเหลืองกรอบ เคล็ดลับความกรอบอยู่ที่ส่วนผสมแป้ง เรียกว่า “แปม้ง” ที่มาจากพม่า ทำจากถั่วเหลืองอ่อน ปัจจุบันมิได้มีแต่ฟักทองเพียงอย่างเดียว แต่มีการนำผักชนิดอื่นมาทอดด้วย เช่น มะละกอดิบ น้ำเต้า ถั่วงอก โดยจิ้มน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของน้ำมะขามเปียก น้ำอ้อยเคี่ยว เกลือ ถั่วลิสงป่น และกระเทียม มี รสชาติเปรี้ยว หวาน มีจำหน่ายทั่วไปในตลาดอำเภอเมืองตาก และอำเภอแม่สอด
เส่งเผ และฮาละหว่า เป็นชื่อของขนมหวานที่มาจากประเทศพม่า “เส่งเผ่” มีลักษณะคล้ายขนมข้าวเหนียวแดง ที่ทำจากข้าวเหนียว น้ำอ้อย กะทิ ต่างกันตรงหน้าเส่งเผ่จะราดด้วยหัวกะทิแล้วปิ้ง หรือ อบหน้าจนเกรียม รสชาติหวานมัน ส่วน “ฮาละหว่า” ตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย กะทิ เมล็ดสาคูเล็ก หน้าขนมทำเช่นเดียวกับเส่งเผ่ มีรสชาติหวานมัน แม่ค้าจะทำขนมนี้บรรจุในถาดกลม และตัดขายเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีขายในตลาดสดเทศบาล อำเภอแม่สอด
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 055) | |
งานข่าวสารการท่องเที่ยว ททท. | 02-250-5500 ต่อ 1555-1563 , 02-694-1222 ต่อ 8 |
ททท.ภาคเหนือ เขต 4 | 055-514-341-3 |
ประชาสัมพันธ์จังหวัด | 055-513-584 |
ตำรวจทางหลวง จ.ตาก | 055-511-340 |
ตำรวจทางหลวง อ.แม่สอด | 055-532-222 |
สภ.อ.เมือง | 055-511-355 |
สภ.อ.ท่าสองยาง | 055-589-013 , 055-589-123 |
สภ.อ.บ้านตาก | 055-591-009 |
สภ.อ.พบพระ | 055-569-108 |
สภ.อ.แม่ระมาด | 055-581-253 |
สภ.อ.แม่สอด | 055-531-122 , 055-531-130 |
สภ.อ.อุ้มผาง | 055-561-011 , 055-561-112 |
รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ | 055-511-024-5 , 055-513-983-4 |
รพ.ท่าสองยาง | 055-589-020 , 055-589-125 , 055-589-255-6 |
รพ.บ้านตาก | 055-591-435 |
รพ.พบพระ | 055-569-023 , 055-569-211-2 |
รพ.แม่ระมาด | 055-581-136 , 055-581-229 |
รพ.แม่สอด | 055-531-224 , 055-531-229 |
รพ.สามเงา | 055-599-072 , 055-549-257-8 |
รพ.อุ้มผาง | 055-561-016 , 561-270-2 |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น