มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ "
ข้อมูลทั่วไป จังหวัดอุทัยธานี
• จังหวัดอุทัยธานี ตั้ง อยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ประมาณ 6,730 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและและภูเขาสูง สภาพป่าไม้ของจังหวัดอุทัยธานีอุดมสมบูรณ์มีความหลากหลายทางธรรมชาติ เขตรักษาพันธุ์ห้วยขาแข้งจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่ควรค่าแก่การดูแลรักษาและนำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทย ทุกคน
ดินแดนบางส่วนพบหลักฐานว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์และเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณหลายเมือง ได้แก่เมืองโบราณบึงคอกช้างในสมัยทวารวดี เมืองโบราณบ้านใต้ เมืองโบราณบ้านคูเมือง และ เมืองโบราณการุ้ง
• ตามตำนานกล่าวว่าในสมัยสุโขทัยท้าวมหาพรหมได้เข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัย เก่า(อำเภอหนองฉาง) แล้วพาคนไทยมาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านกะเหรี่ยงและหมู่บ้านมอญจึงเรียกว่า “เมืองอู่ไทย”ตามกลุ่มหรือที่อยู่ของคนไทย ต่อมาเกิดความแห้งแล้งกระแสน้ำเปลี่ยนทางเมืองจึงถูกทิ้งร้าง ในสมัยอยุธยาชาวกะเหรี่ยงชื่อ“พะตะเบิด” เข้ามาปรับปรุงเมืองอู่ไทยโดยขุดทะเลสาบขังน้ำไว้ใกล้เมืองและเป็นผู้ปกครอง เมืองอู่ไทยเก่าคนแรก ชื่อเมืองจึงเรียกเพี้ยนเป็น“เมืองอุไทย” ตามสำเนียงชาวกะเหรี่ยงและมีฐานะเป็นหัวเมืองหน้าด่านชั้นนอกสกัดกั้นกองทัพ พม่าที่จะเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการอพยพผู้คนมาตั้งบ้านเรือนที่ริมฝั่ง แม่น้ำสะแกกรังมากขึ้น และได้กลายเป็นที่ตั้งของตัวเมืองอุทัยธานีในปัจจุบัน
• อุทัยธานีมีสถานที่น่าสนใจทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีหลายแห่งที่น่ามาเที่ยวชมและศึกษาหาความรู้ อีกทั้งมีสินค้าที่ระลึกประเภทหัตถกรรมและอาหารการกินมากมายเช่นหน่อไม้รวก ข้าวเกรียบปลา ผลไม้แช่อิ่ม ผ้าทอ เครื่องจักสานซึ่งสามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้
• จังหวัดอุทัยธานีแบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ แต่ละอำเภอมีระยะห่างจากอำเภอเมือง ดังต่อไปนี้
อำเภอทัพทัน 19 กิโลเมตร
อำเภอบ้านไร่ 80 กิโลเมตร
อำเภอลานสัก 54 กิโลเมตร
อำเภอสว่างอารมณ์ 33 กิโลเมตร
อำเภอหนองขาหย่าง 10 กิโลเมตร
อำเภอหนองฉาง 22 กิโลเมตร
อำเภอห้วยคต 45 กิโลเมตร
อาณาเขต
• ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ และอำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์
• ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอวัดสิงห์และอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์และอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก อำเภอสังขละบุรี และอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
การเดินทาง
• รถยนต์ จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปอุทัยธานีได้หลายเส้นทาง ได้แก่
1.จากถนนพหลโยธินผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาลงแพขนานยนต์ ที่อำเภอมโนรมย์ ผ่านวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) ศาลากลางจังหวัด เข้าตลาดอุทัยธานี รวมระยะทางประมาณ 305 กิโลเมตร
2.จากทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 333 ตรงทางแยกท่าน้ำอ้อยบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 206 ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านหน้าโรงพยาบาลเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดอุทัยธานี รวมเป็นระยะทางประมาณ 222 กิโลเมตร
3.อีกเส้นทางหนึ่งเริ่มต้นจากถนนสาย 32 เช่นกัน เมื่อถึงประมาณกิโลเมตรที่ 30 (อยู่ในเขตจังหวัดอยุธยา)เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 334 และจากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 309 ไปตามเส้นทาง ข้ามสะพานจังหวัดอ่างทอง จากนั้นมาตามถนนสาย311ผ่านจังหวัดสิงห์บุรี ผ่านจังหวัดชัยนาทที่อำเภอสรรพยา จากนั้นเลี้ยวเข้าเส้นทางหมายเลข 3183 เข้าจังหวัดอุทัยธานี รวมเป็นระยะทางประมาณ 283 กิโลเมตร
• รถตู้ปรับอากาศ ให้บริการระหว่างเวลา 04.00–18.00 น. จอดบริเวณใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้านสนามเป้า
• รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ-อุทัยธานีทุกวัน จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 กิโลเมตร 11 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ทั้งรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศตั้งแต่เวลา04.30-17.50 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 936-1972, 936-1882 สถานีเดินรถอุทัยธานี โทร. (056) 511914,512859, 511058
• รถไฟ ต้องโดยสารรถไฟไปลงที่สถานีนครสวรรค์ แล้วต่อรถประจำทางมายังอุทัยธานีอีกประมาณ 50 กิโลเมตร ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร. 1960, 223-7010, 223-7020
• การเดินทางภายในจังหวัด จะมีทั้งรถสองแถว และรถบัสประจำทางวิ่งตามเส้นทางต่างๆ เช่น อุทัยธานี-หนองฉาง อุทัยธานี-วัดสิงห์ อุทัยธานี-บ้านไร่ ลานสัก-สว่างอารมณ์-ทัพทัน บ้านไร่-คลองแห้ง เป็นต้น
แผนที่จังหวัดอุทัยธานี
แผนที่ตัวเมืองอุทัยธานี
วัดสังกัสรัตนคีรี
เป็นวัดเก่าตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง สุดถนนท่าช้าง ในเขตเทศบาลเมือง ในวิหารของวัดประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี มีประวัติว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้นำพระพุทธรูปขนาดย่อมที่ชำรุดไปไว้ตามหัวเมืองต่างๆ เมื่อ พ.ศ. 2335-2342 สำหรับเมืองอุทัยธานีได้รับ 3 องค์ โดยอัญเชิญลงแพมาขึ้นฝั่งที่ท่าพระ (ตรงข้ามศาลาประชาคมจังหวัดอุทัยธานี) แล้วนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดขวิด พระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นพระเนื้อสำริดปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท ฝีมือช่างสุโขทัยยุค 2 ส่วนเศียรกับส่วนองค์พระเป็นคนละองค์ แต่ขนาดเดียวกัน เข้าใจว่าคงซ่อมเป็นองค์เดียวกันแล้วจึงนำมาไว้ที่เมืองอุทัยธานี ต่อมาเมื่อยุบวัดขวิดไปรวมกับวัดทุ่งแก้ว จึงได้ย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ไปยังวัดสังกัสรัตนคีรี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไป 1 กิโลเมตร และได้ทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในพระเศียร พร้อมกับถวายนามว่า "พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์"
ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปีจะมีประเพณีตักบาตรเทโว โดยพระสงฆ์ประมาณ 500 รูป จะเดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรัง มารับบิณฑบาตที่ลานวัด เป็นประเพณีที่สำคัญของจังหวัด
เขาสะแกกรัง
จากบริเวณลานวัดเชิงเขามีบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาสะแกกรัง หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 3220 เป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณสนามกีฬาจังหวัดไปตามทางขึ้นสู่ยอดเขา บนยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองอุทัยธานีได้กว้างขวาง เป็นที่ตั้งของมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งย้ายมาจากวัดจันทาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2448 ด้านหน้ามีระฆังใบใหญ่ที่พระปลัดใจและชาวอุทัยธานีร่วมกันสร้างเมื่อ พ.ศ. 2443 ถือกันว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ใครที่ไปเที่ยวอุทัยธานีแล้วไม่ได้ขึ้นไปตีระฆังใบนี้ก็เท่ากับไม่ได้ไป เที่ยวอุทัยธานี ใกล้กับมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังมีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก แห่งรัชกาลที่ 1 ซึ่งมีพระนามเดิมว่า นายทองดี รับราชการมีตำแหน่งเป็นพระอักษรสุนทรศาสตร์ เสมียนตรากรมมหาดไทย และต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ ครั้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ จักรี (พระนามเดิมว่า นายทองด้วง) ได้สถาปนาพระอัฐิพระบิดาเป็นสมเด็จพระชนกาธิบดี เมื่อปี พ.ศ. 2338
พระบรมรูปของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกนาถ
เป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริง ประทับนั่งบนแท่นพระหัตถ์ซ้ายถือดาบประจำตำแหน่งเจ้าพระยาจักรีทั้งฝักวางบน พระเพลาซ้าย ส่วนพระหัตถ์ขวาทรงวางบนพระเพลาขวา ด้านขวามือมีพานวางพระมาลาเส้าสูง ไม่มียี่ก่า (ขนนก) สวมพระบาทด้วยรองเท้าแตะไม่หุ้มส้นพระบาท มีพิธีถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ในวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี ซึ่งตรงกับช่วงที่ดอกสุพรรณิการ์ หรือฝ้ายคำ ดอกไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานีบานสะพรั่งอยู่ทั่วไปบนเขาสะแกกรัง
วัดมณีสถิตย์กปิฏฐาราม
ตั้งอยู่ที่ถนนสุนทรสถิตย์อยู่หน้าสวนสุขภาพในเขตเทศบาลเมือง เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ชาวเมืองเรียกกันว่าวัดทุ่งแก้ว ในวัดนี้มีพระปรางค์ใหญ่อยู่องค์หนึ่ง ฐานกว้าง 8 เมตร สูง 16 เมตร ลักษณะเป็นปรางค์ห้ายอด สร้างเมื่อ พ.ศ. 2452 ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแย้มผู้สร้างวัดนี้ บริเวณวัดมีสระน้ำก่ออิฐ เป็นสระน้ำมนต์ขนาดใหญ่ กลางสระมีแผ่นศิลาอักขระยันต์ของหลวงพ่อแย้มฝังเอาไว้ น้ำในสระแห่งนี้เคยใช้เป็นน้ำสรงพุทธาภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7
วัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค)
เป็นวัดที่สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒนสัตยาของข้าราชการเมืองอุทัยธานี และเป็นลานประหารนักโทษ
โบสถ์ของวัดเป็นโบสถ์สมัยรัตนโกสินทร์ ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมืองดงามที่สุดในอุทัยธานี น่าจะเป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยาตอนปลายที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นภาพพุทธประวัติบางตอน เช่น ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ ปางผจญมาร ด้านข้างและด้านบนเป็นภาพเทพชุมนุมสลับกับพัดยศ ช่องว่างบานประตู เป็นภาพพระพุทธเจ้ารับคนโทน้ำและรวงผึ้งจากช้างกับลิง เป็นภาพที่เขียนในชั้นหลังคนละฝีมือกัน ด้านนอกมีลายปูนปั้นเป็นกรอบฝีมือพองาม
สำหรับวิหารสร้างยกพื้นสูงกว่าโบสถ์ ภายในมีแท่นสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 องค์ จัดเรียงอย่างมีระเบียบ บนหน้าต่างด้านนอกมีลายปูนปั้นเป็นเรื่องรามเกียรติ์ประดับเป็นกรอบ และประตูวิหารเป็นไม้จำหลักลายดอกไม้ทาสีแดงงดงามมาก โบสถ์และวิหารมีพระปรางค์และเจดีย์เรียงรายอยู่ 2-3 องค์
กำแพงรอบโบสถ์ก่อต่อกับฐานวิหารเพราะมีพื้นสูงกว่า ประตูเข้ากำแพงทำซุ้มแบบจีน และหลังโบสถ์มีซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปด้วยเช่นเดียวกับด้านหน้า มีกุฏิเล็กอยู่ติดกับกำแพงโบสถ์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยา บานประตูวัดก็เป็นศิลปะการแกะสลักของช่างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แกะเป็นลายดอกไม้ประกอบใบกระจังต่อก้านสลับดอกเรียงเป็นแถวสวยงามมาก พื้นในทาสีแดง เข้าใจว่าเดิมคงลงสีทองบนตัวลายไว้ สำหรับบานหน้าต่างก็แกะเป็นลวดลายเดียวกัน
ลำน้ำสะแกกรัง
เป็นลำน้ำที่ไหลผ่านตัวจังหวัดอุทัยธานี เฉพาะส่วนที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี จะมีเรือนแพจอดเรียงรายอยู่ทั้งสองริมฝั่งน้ำ ฝั่งแม่น้ำทิศตะวันตกข้างบนเป็นตลาดใหญ่ มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่น ส่วนฝั่งแม่น้ำทิศตะวันออกเป็นเกาะเทโพ ที่มีสวนผลไม้และป่าไผ่ตามธรรมชาติ เรือนแพที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำเป็นเรือนไม้สร้างคร่อมบนแพลูกบวบไม้ไผ่ ชาวเรือนแพเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมง ในช่วงเช้าหลังจากที่ได้ปลามาจะนำมาเสียบไม้เป็นแผง ผึ่งให้แห้ง ย่างรมควันทำเป็นปลาแห้ง ตามเรือนแพริมน้ำยังมีกระชังเลี้ยงปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาแรด เป็นภาพที่สามารถพบเห็นได้ตามสองฝั่งลำน้ำสะแกกรัง จึงเหมาะสำหรับนั่งเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งได้รอบตัวเกาะ ส่วนเรือนแพที่อยู่ฝั่งทิศตะวันออกที่อยู่ตรงข้ามกับชุมชนเมือง นักท่องเที่ยวสามารถว่าจ้างเรือจากบริเวณท่าเรือตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี
วัดอุโปสถาราม
เดิมชื่อวัดโบสถ์มโนรมย์ ชาวบ้านเรียกว่าวัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมลำน้ำสะแกกรังในเขตเทศบาลเมือง จากตลาดสดเทศบาล มีสะพานข้ามแม่น้ำไปยังวัดอุโปสถาราม ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เกี่ยวกับพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพานฝีมือประณีตมาก และจิตรกรรมฝาผนังในวิหาร เป็นฝีมือสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสวรรค์และภาพปลงสังขาร ด้านบนฝาผนังเป็นพระสงฆ์สาวกชุมนุมสลับกับพัดยศเหมือนจะไหว้พระประธานใน วิหาร ฝาผนังด้านนอกหน้าวิหารมีภาพถวายพระเพลิงศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภาพชีวิต ชาวบ้านที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา เข้าใจว่าเป็นฝีมือชั้นหลัง นอกจากนี้ภายใน.วัดอุโปสถาราม ยังมีสิ่งของที่น่าชมอีกมาก เช่น เสมาหินสีแดงหน้าโบสถ์ ตู้พระธรรมและตู้ใส่ของเขียนลายกนกเถาลายดอกไม้ บาตรฝาประดับมุกที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นฝีมือช่างสิบหมู่ และหงส์ยอดเสา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่น่าชมหลายหลัง
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ตามทางสาย 3265 มุ่งตรงไปทางแพข้ามฟากอำเภอมโนรมย์ ประมาณ 12 กิโลเมตร เดิมเป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยา มีโบสถ์ขนาดเล็ก ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพื้นบ้าน เข้าใจว่าเขียนในสมัยหลัง เป็นเรื่องพุทธประวัติบางภาพต่อเติมจนผิดส่วน มีศาลามณฑปแก้วที่สร้างขึ้นใหม่และอาคารเรียนขนาดใหญ่ รวมทั้งมีท่าเรือคอนกรีตริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาทางน้ำ วิหารมีพระปูนปั้นฝีมือพองาม มีลายไม้จำหลักขอบหน้าบันเหลืออยู่ 2-3 แห่ง สิ่งที่เป็นโบราณวัตถุของวัดคือ ธรรมมาสน์ที่หลวงพ่อใหญ่สร้าง ด้านตรงข้ามกับวัดเป็นปูชนียสถานแห่งใหม่ มีการก่อสร้างอาคารต่างๆ มากมาย ซึ่งสร้างโดยพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระเถระที่มีชื่อเสียงเป็นบริเวณพุทธาวาสที่น่าชมมาก พระอุโบสถใหม่สร้างสวยงามภายในประดับและตกแต่งอย่างวิจิตร บานหน้าต่างและประตูด้านในเขียนภาพเทวดาโดยจิตรกรฝีมือดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินมาตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ บริเวณโดยรอบสร้างกำแพงแก้วและมีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อใหญ่ขนาด 3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า นอกจากนี้ปูชนียสถานแห่งใหม่ยังมีบริเวณกว้างขวางมาก มีศาลาอยู่หลายหลังสำหรับใช้เป็นสถานที่ฝึกสมาธิและมีที่พักให้ด้วย
ศูนย์วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
ตั้งอยู่ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ถนนศรีอุทัย (ใกล้ศาลากลางจังหวัด) ภายในจัดแสดงเป็นห้องต่าง ๆ เช่น ห้องพัฒนาอาชีพ ห้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีห้องจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ห้องแสดงเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้ายศเจ้าเมือง ห้องจำลองไม้จำหลักและบ้านไทย เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สามารถติดต่อต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะสอบถามรายละเอียดได้ที่ (056) 511511
พระแสงราชศัสตราวุธประจำเมืองอุทัยธานี
สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระแสงดาบที่จังหวัดอุทัยธานีได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งเสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือที่เมืองอุทัยธานี เมื่อ พ.ศ. 2444 เป็นพระแสงดาบที่พระราชทานเป็นอันดับ 3 (อันดับ 1 เมืองอยุธยา อันดับ 2 เมืองชัยนาท)
พระแสงราชศัตราวุธ เป็นดาบไทยทำด้วยเหล็กอย่างดีสีขาวเป็นมัน ปลายแหลม คมด้านเดียว มีน้ำหนักเบา สันเป็นลายทอง ฝังงาในเนื้อเหล็กรูปดอกไม้ร่วง และริมสันทั้งสองข้างมีลายทองเป็นรูปก้านขด โคนตรงกลางมีจารึกนามอักษร "พระแสงสำหรับเมืองอุไทยธานี" ด้ามพระแสงทำด้วยไม้เนื้อแข็งหุ้มทองลงยา โคนเป็นลายกนกตราอ้อย ปลายด้ามเป็นรูปจุฑามณีบัวคว่ำ 3 ชั้น ประดับด้วยพลอย ต้นฝักพระแสงทำด้วยทองคำเป็นรูปรักร้อยประดับพลอย มีกาบกนกหุ้มต้นฝักทำด้วยทองคำเป็นลายก้านขด ช่อดอกแกมใบประดับพลอย ตัวฝักพระแสงทำด้วยทองคำดุน แถบฝักทั้งสองข้างมีลวดลายต่างๆ สวยงามมาก นับเป็นศิลปกรรมฝีมือเยี่ยมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์และเป็นพระแสงดาบสำคัญประจำ เมืองอุทัยธานี ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่คลังจังหวัดอุทัยธานี จะนำออกเฉพาะในงานพระราชพิธีเท่านั้น
เขื่อนวังร่มเกล้า
ตั้งอยู่ที่บ้านใต้ ตำบลทุ่งใหญ่ เขตอำเภอเมือง การเดินทางใช้เส้นทางจากอำเภอทัพทันไปอำเภอโกรกพระ ตามทางหลวงหมายเลข 3005 เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรัง 1.5 กิโลเมตร ถึงเขื่อนวังร่มเกล้า เขื่อนนี้เป็นเขื่อนชลประทานขนาดเล็กกั้นแม่น้ำตากแดดหรือแม่น้ำสะแกกรังใน เขตอำเภอเมืองอุทัยธานี ทัศนียภาพบริเวณอ่างเก็บน้ำหน้าเขื่อนสวยงาม
อยู่ตำบลทุ่งใหญ่ เลยท้ายเขื่อนวังร่มเกล้าไป 300 เมตร เป็นสถานที่พบซากโบราณสถานระฆังหิน ฐานพระพุทธรูปยืนทำด้วยศิลา กำไลหิน พระพุทธรูปสำริด สภาพเมืองยังคงมีแนวกำแพงดินเหลืออยู่บ้าง
สถานที่ท่องเที่ยว อ.อื่นๆ
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอหนองขาหย่าง
บึงทับแต้
จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3265 ประมาณ 12 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าทางลูกรัง บริเวณสะพานคลองยางไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร หรืออาจจะเช่าเรือจากบริเวณปากคลองยางเข้าไปยังบึงเป็นระยะทาง 5-6 กิโลเมตร บึงทับแต้อยู่ตอนปลายของห้วยขวี ซึ่งมีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ส่วนที่เป็นบึงกว้างประมาณ 330 เมตร เป็นแหล่งที่มีปลาอาศัยอยู่ริมบึงอย่างชุกชุม ชาวบ้านได้อาศัยน้ำและจับปลาในบึงนี้ ริมบึงตรงบ้านท่าทอง พบแหล่งของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ มีเครื่องมือเหล็ก ภาชนะดินเผา ลูกปัด กำไลแก้ว เป็นต้น จัดว่าเป็นชนเผ่าที่เจริญ เพราะรู้จักใช้โลหะเป็นเครื่องประดับ นอกจากนี้ยังพบขวดเหล้าของชาวตะวันตกสมัยอยุธยาด้วย
เมืองโบราณบ้านคูเมือง
อยู่ที่ตำบลดงขวาง เป็นสถานที่พบระฆังหิน เครื่องมือหิน หินบดยา ลูกปัดสี และพระพิมพ์ดินดิบ
วัดหนองพลวง
ตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนหนองขาหย่างวิทยาคม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2400 สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ทรงจั่ว หน้าบันประดับลวดลายปูนปั้นและเครื่องถ้วยเคลือบ มีทางเข้าทางเดียว ไม่มีช่อฟ้า เสมาโดยรอบเป็นหินสลักสวยงามบนฐานรูปดอกบัว
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอหนองฉาง
เมืองอุไทยธานีเก่า
อยู่ที่บ้านอุทัยธานีเก่า เป็นที่ตั้งของเมืองอุไทยธานีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งยังคงมีซากโบราณสถานเหลืออยู่ เช่น วัดหัวหมาก วัดยาง และวัดกุฏิ ส่วนบริเวณโดยรอบได้กลายเป็นทุ่งนาไปหมด วัดที่ยังคงสภาพอยู่จนถึงปัจจุบันนี้คือ วัดแจ้ง มีพระปรางค์ซึ่งเดิมสร้างเมื่อ พ.ศ. 2081 ต่อมาถูกพม่าทำลายยอดหัก จึงบูรณะซ่อมแซมใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2458 พร้อมกับโบสถ์เก่าซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดเล็กประตูเดียว แบบอยุธยาตอนปลาย ลายปูนปั้นของพระปรางค์และหน้าบันโบสถ์เป็นฝีมือเดียวกัน อีกวัดหนึ่งคือ วัดหัวเมือง ยังคงมีซากโบสถ์เก่าแบบอยุธยาเหลืออยู่ และเจดีย์โบราณขนาดเล็กหน้าโบสถ์เก่า
ถ้ำน้ำพุเขากวางทอง
เป็นถ้ำที่อยู่ในเขากวางทอง ตำบลทุ่งโพ มีความสูงประมาณ 325 เมตร ห่างจากอำเภอหนองฉางประมาณ 20 กิโลเมตร อยู่ขนานกับเขาบางแกรก ที่ราบลุ่มตรงกลางเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เดิมมีสัตว์ป่ามากินน้ำ โดยเฉพาะพวกกวางมีมากเป็นพิเศษ ถ้ำน้ำพุอยู่เชิงเขาภายในถ้ำมีน้ำพุ และมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก
วัดหนองขุนชาติ
เป็นวัดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ มีอุโบสถเก่าภายในเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 5 เขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติปางต่างๆ เช่น ตอนธิดาพระยามารมารำยั่วยวน ตอนเทศน์โปรดเทวดา ตอนหนีออกบรรพชา เป็นต้น ด้านบนเป็นพระสงฆ์ชุมนุมนั่งพนมมือ ที่น่าสังเกตก็คือ ภาพคนแต่งตัวสวมหมวกปีกอย่างชาวตะวันตก นอกจากอุโบสถเก่าแล้ว ยังมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองอยู่ มีการจัดงานนมัสการพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอทัพทัน
วัดทัพทัน
ตั้งอยู่บนถนนสายอุทัยธานี-ทัพทัน ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 19 กิโลเมตร ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอ 1 กิโลเมตร มีประตูโบสถ์อันงดงาม ฝีมือช่างสมัย รัตนโกสินทร์ บานหนึ่งแกะเป็นรูปคนถือธง ระบุ พ.ศ. 2466 อีกบานหนึ่งระบุว่าเป็นปีกุน มีลวดลายสวยงาม อกเลาบานประตูมีลวดลายยาวตลอด บานประตูอีกคู่หนึ่งแกะเป็นรูปเทวดาถือคันศรยืนบนพระยานาค ข้างล่างเป็นภูเขามีสัตว์ต่างๆ ส่วนด้านบนเป็นลานกนกมะลิเลื้อย ฝีมือช่างคนละคนกับรูปเสี้ยวกาง บานประตูคู่นี้ไม่แกะลวดลายที่อกเลา เข้าใจว่าเป็นช่างพื้นบ้าน
แหล่งทอผ้าพื้นเมืองบ้านโคกหม้อ
ตั้งอยู่ที่ตำบลโคกหม้อ การเดินทางจากอำเภอทัพทันไปยังอำเภอสว่างอารมย์ ตามเส้นทางสาย 3013 ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือไปยังบ้านโคกหม้ออีกประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านขนาเล็กของชาวไทยลาวที่อพยพมาอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการผ้าทอพื้นเมืองมานาน โดยชาวบ้านนิยมทอผ้าเมื่อหมดฤดูทำนา ลักษณะที่ทอกัน ส่วนใหญ่เป็นผ้าซิ่นตีนจก ผ้ามัดหมี่ ผ้ายกดอกลายเชิงแบบเก่า
เขาปฐวี
อยู่ในตำบลตลุกดู่ เป็นเทือกเขาขนาดเล็กยาวประมาณ 720 เมตร สูง 253 เมตร มีลักษณะเป็นเทือกเขาหินที่เรียงซ้อนกันเป็นยอด ค่อนข้างสูงชัน มีถ้ำอยู่เรียงรายโดยรอบประมาณ 30 ถ้ำ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น ถ้ำประทุน ถ้ำบันได ถ้ำอ่าง ถ้ำช่องลม ถ้ำพุทธประวัติ ถ้ำปลา และถ้ำค้างคาว เป็นต้น บริเวณลานกว้างหน้าเขามีร่มไม้และฝูงลิงจำนวนมาก บริเวณนี้ยังพบเครื่องมือหินและโครงกระดูกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ด้วย
การเดินทางจากอำเภอเมืองอุทัยธานีไปตามทางหลวงหมายเลข 3013 เข้าสู่อำเภอทัพทัน จากอำเภอทัพทันมีเส้นทางไปยังเขาปฐวีอีกเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 18 กิโลเมตร
ตลาดนัดโค กระบือหนองหญ้าปล้อง
ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าปล้อง เดินทางจากอำเภอทัพทันไปตามถนนสายทัพทัน-โกรกพระ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบตลาดทางด้านขวามือ ซึ่งเป็นตลาดที่มีบริเวณพื้นที่ซื้อขายกว้างใหญ่ ตลาดนัดแห่งนี้จะมีเฉพาะวันพระและวันโกนเท่านั้น ในแต่ละครั้งที่มีการซื้อขายจะมีโค กระบือที่ถูกนำมาขายนับพันตัว
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอสว่างอารมย์
เขากวางทองไผ่เขียว
เป็นเขาสูง 372 เมตร อยู่ตำบลไผ่เขียว ห่างจากตัวอำเภอ 9 กิโลเมตร มีหน้าผาสวยงาม และถ้ำอีกหลายแห่งหินงอกหินย้อยเป็นประกายระยิบระยับสวยงาม ใกล้เขากวางทองมีเขาเล็กๆ คือ เขาลูกไก่ที่มีหินสลับซับซ้อนแปลกตา มีเขาพระอยู่ทางด้านเหนือ ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่
เมืองโบราณบึงคอกช้าง
อยู่ที่ตำบลไผ่เขียว ใช้เส้นทางสว่างอารมย์-ลาดยาว ทางหลวงหมายเลข 3013 ก่อนสุดเขตจังหวัดอุทัยธานี มีทางลูกรังแยกซ้ายไปบึงคอกช้าง ประมาณอีก 20 กิโลเมตร ค่อนข้างห่างไกลชุมชน เป็นเมืองโบราณที่มีคูเมืองและกำแพงดินล้อมรอบ ค้นพบซากโบราณ เครื่องปั้นดินเผา หินบดยา เครื่องมือเหล็ก ลูกปัดสีเหลือง นอกจากนี้ยังขุดพบศิลาจารึกอักษรขอมโบราณ 3 หลัก ปัจจุบันมีสภาพเป็นสวนป่าปลูกมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนบริเวณคูเมืองตื้นเขิน
เขาหินเทิน
อยู่ตำบลพลวงสองนาง มีลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่ที่เทินกัน และยื่นออกมาจากพื้นเขา ก้อนหินขนาดใหญ่นี้มีสีขาวเกลี้ยงมัน ภายในเขาหินเทินยังมีถ้ำลึกอยู่ด้วย
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอห้วยคต
น้ำตกไซเบอร์ หรือน้ำตกหินลาด
เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้หมู่บ้านไซเบอร์ ตำบลคอกควาย อำเภอห้วยคต อยู่ห่างจากจังหวัด 86 กิโลเมตร น้ำตกนี้เกิดจากลำห้วยล่อยจ้อยที่ไหลมาจากภูเขาสูงของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าห้วยขาแข้ง จึงทำให้เกิดน้ำตกขึ้นเป็นระยะๆ หลายชั้น น้ำตกส่วนที่อยู่ตอนบนเรียกน้ำตกล่อยจ้อย บางแห่งตกจากที่สูงปะทะกับก้อนหินใหญ่ เรียก น้ำตกหินลาด ข้างล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่รับน้ำตกที่ตกลงมาไม่ขาดสาย บางแห่งไหลซอกซอนล้นไปตามเกาะแก่งของหินลงสู่เบื้องล่าง เป็นทางยาวสูงต่ำหลายชั้น บริเวณโดยรอบเป็นป่าหวายและมีต้นไม้ร่มครึ้ม
น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง
ตั้งอยู่ที่บ้านสมอทอง ตำบลคอกควาย เป็นน้ำพุร้อนแบบธรรมชาติขนาดเล็กที่ผุดขึ้นมาผิวดินโดยไหลผ่านช่องเขาสอง ลูก น้ำที่ผุดขึ้นมานี้จะไหลรวมกันเป็นลำธารสายเล็กๆ ไหลลงสู่ลำธารคอกควาย น้ำพุที่ผุดนี้ ใส มีกลิ่นกำมะถันฉุน และมีความร้อนขนาดต้มไข่สุกภายใน 5 นาที โดยน้ำจะไหลลาดตามหินของภูเขาลงไปรวมกับน้ำในลำห้วยคอกควาย
การเดินทางสามารถเดินทางจากอำเภอหนองฉางสู่อำเภอบ้านไร่ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 333 จนถึงกิโลเมตรที่ 41 จะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าบ้านวังบ่าง-สมอทอง ไปตามเส้นทางสายนี้ประมาณ 24 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเป็นทางเล็กๆ ไปยังสำนักสงฆ์น้ำพุร้อนบ้านสมอทองอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงลำธารคอกควายให้เดินข้ามไปอีกประมาณ 50 เมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำพุร้อนบ้านสมอทอง
น้ำตกอีซ่า
ตั้งอยู่หมู่บ้านกุดจะเริก ตำบลคอกควาย น้ำตกอีซ่านี้เป็นน้ำตกธรรมชาติที่มีน้ำไหลตลอดปี ซึ่งน้ำตกอีซ่านี้เกิดขึ้นจากลำธารอีซ่า บริเวณน้ำตกมีสภาพป่าที่เป็นธรรมชาติ และบริเวณป่าใกล้ๆ น้ำตกนี้มีหมูป่าชุกชุม
การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 333 มีเส้นทางเข้าตรงทางแยกเข้าบ้านวังบ่าง กิโลเมตรที่ 41 ของถนนสายหนองฉาง-บ้านไร่ และแยกเข้าถนนสายวังบ่าง-สมอทอง อีกประมาณ 18 กิโลเมตร ถึงหมู่บ้านกุดจะเริก แล้วเดินเท้าอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำตกอีซ่า
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอลานสัก
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
มีอาณาเขตคลุมพื้น 6 อำเภอ 3 จังหวัด คือ อำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี อำเภอสังขละ อำเภอสังขละ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีพื้นที่ 3,609,375 ไร่ หรือ 5,775 ตารางกิโลเมตร โดยมีการรวมพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเข้ามาด้วย ทำให้เป็นผืนป่าอนุรักษ์ต่อเนื่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาพป่าคงความสมบูรณ์ ประกอบด้วย ป่าดงดิบ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าผลัดใบสลับกับทุ่งหญ้า เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า ซึ่งบางชนิดหายากและใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน ไก่ป่า และยังมีแมลงพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย จึงทำให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง ได้รับการขึ้นทะเบลียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็ฯ "มรดกโลกทางธรรมชาติ" ในการประชุมคณะกรรมการมร่กโลกขององค์การยูเนสโกระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2534 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย นับเป็นผืนป่าที่มีคุณค่าควรแก่การช่วยกันอนุรักษ์ หวงแหนเป็นอย่างยิ่ง
เขาพระยาพายเรือ
อยู่ในเขตตำบลลานสัก ห่างจากตัวจังหวัด 59 กิโลเมตร ตามทางสู่อำเภอลานสักตรงหลักกิโลเมตรที่ 29-30 แยกขวาเข้าทางลูกรังเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ถึงเชิงเขาแล้วเดินขึ้นสู่ปากถ้ำอีกประมาณ 150 เมตร เป็นเขาลูกเล็กสูง 257 เมตร เมื่อมองจากระยะไกลจะดูคล้ายเรือสำเภาลำหนึ่ง ภายในประกอบด้วยถ้ำเล็กๆ เชื่อมต่อกัน ได้แก่ ถ้ำแก้ว ถ้ำสีชมพู ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำอ่างน้ำมนต์ และถ้ำพุทธสถาน ภายในถ้ำซับซ้อนมากจึงต้องมีป้ายบอกทางและมีไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเที่ยว ชมความงามของหินงอกหินย้อย ตอนบนของถ้ำสร้างพระนอนขนาดใหญ่ ส่วนทางเข้าถ้ำต่างๆ นั้นอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีทางเข้าทางเดียว ซึ่งเป็นทางลึกถึงข้างล่าง และมีบันไดลงไปได้ถึงก้นถ้ำ
เขาผาแรด
ตั้งอยู่ที่ตำบลลานสัก อยู่หลังที่ว่าการอำเภอลานสัก ประมาณ 7.5 กิโลเมตร เขาผาแรดนี้อยู่ห่างจากเขาพระยาพายเรือประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเขาลูกเล็กๆ มีความสูงประมาณ 376 เมตร ภายในเขาลูกนี้เป็นที่ตั้งของถ้ำซึ่งมีหินงอกหินย้อย พร้อมทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาว และมีสำนักสงฆ์อยู่ใกล้เชิงเขา
เขื่อนทับเสลา
ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลระบำ จากอำเภอลานสัก ไปตามทางหลวงหมายเลข 3438 เป็นระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร จะถึงทางแยกซ้ายมือเข้าเขื่อนทับเสลา เป็นทางราดยางอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เขื่อนทับเสลาเป็นเขื่อนชลประทานขนาดใหญ่ กั้นลำห้วยทับเสลา ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งมีทัศนียภาพสวยงาม มีภูเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง บริเวณตอนใต้ของเขื่อนมีสภาพเป็นป่าเต็งรังและสวนป่าปลูก
เขาปลาร้า
เป็นเขาแบ่งเขตของหมู่บ้านห้วยโศก อำเภอลานสัก กับตำบลเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 เมตร ไปตามทางสายหนองฉาง-ลานสัก ประมาณ 21.5 กิโลเมตร แล้วแยกไปตามทางลูกรัง ประมาณ 7.5 กิโลเมตร เป็นเขาขนาดใหญ่ มีความสูง ประมาณ 598 เมตร และชันมาก ต้องเดินเท้าและปีนเขาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะถึงยอดเขา ข้างบนเป็นที่ราบขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยป่าไม้ เช่น ไม้มะค่า ที่หน้าผาด้านตะวันตกพบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ระดับความสูง 320 เมตร ตลอดแนวยาว 9 เมตร เป็นภาพมนุษย์มีหลายลักษณะและกลุ่มภาพสัตว์ จำนวน 40 ภาพลักษณ์ แสดงสภาพชีวิตและสังคมของคนยุคโบราณ ซึ่งเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
หุบป่าตาด
อยู่ตรงข้ามกับเขาปลาร้า เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบถ้ำ และเมื่อเดินรอบถ้ำจะพบหุบเขาที่มีต้นตาดซึ่งเป็นต้นไม้ดึกดำบรรพ์ขึ้นอยู่
ถ้ำพนาสวรรค์
เป็นถ้ำในเทือกเขาที่บ้านห้วยโศก ตำบลป่าอ้อ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 50 กิโลเมตร โดยแยกตรงกิโลเมตรที่ 22 ของถนนสายหนองฉาง-ลานสัก เข้าหมู่บ้านบุ่งฝาง และหมู่บ้านห้วยโศก อีก 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นโถงถ้ำหลายถ้ำ มีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ และบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของวัดห้วยโศก
ป่าสักธรรมชาติ
ที่ตำบลลานสัก อำเภอลานสัก เป็นป่าที่มีต้นสักเหลืออยู่แห่งเดียวในขณะที่ส่วนอื่นถูกทำลาย และได้รับการปรับปรุงให้เป็นวนอุทยานสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 58 กิโลเมตร
ถ้ำเขาฆ้องชัย
เป็นเทือกเขาอยู่ในตำบลลานสัก มีความสูงประมาณ 353 เมตร ทางด้านหน้าของเขาฆ้องชัยเป็นถ้ำตื้นกว้างเหมือนอุโมงค์ใหญ่ เข้าใจว่าเดิมมีมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่เพราะพบเครื่องมือหิน และเศษภาชนะดินเผา ภายในบริเวณถ้ำแห่งนี้มีฝูงค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลาเย็นจะแลเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาหากินนานนับชั่วโมง และถ้าสามารถปีนหน้าผาสูงไปได้จะพบถ้ำอยู่ทางด้านบน มีถ้ำธงชัย ถ้ำมหาสมบัติ ถ้ำเป็ด และถ้ำลม ใกล้กันเป็นที่ตั้งของเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งมีถ้ำสวยงาม บริเวณตรงกลางเป็นที่ดินในหุบเขามีเนื้อที่กว้างขวางมากซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดและโรงเรียนลานสักวิทยา
การเดินทางถ้าเดินทางจากอำเภอหนองฉางสู่อำเภอลานสัก ถ้ำเขาฆ้องชัยนี้จะอยู่ก่อนถึงอำเภอลานสักประมาณ 5 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือแล้วเลี้ยวเข้าโรงเรียนลานสักวิทยาไปประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงบริเวณถ้ำเขาฆ้องชัย
สวนป่าห้วยระบำ
เป็นของบริษัทไม้อัดไทย จำกัด มีเนื้อที่ 2,890 ไร่ อยู่ที่ป่าห้วยระบำ ตำบลลานสัก อำเภอลานสัก ห่างจากตัวจังหวัด 78 กิโลเมตร สามารถเข้าไปชมแปลงป่าที่ปลูกใหม่ได้ มีเรือนพักรับรองสำหรับผู้นิยมธรรมชาติ บริเวณที่ทำการสวนป่าปลูกดอกกุหลาบและพันธุ์ไม้สวยงาม
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอบ้านไร่
เมืองโบราณการุ้ง
ตั้งอยู่ที่ตำบลวังหิน พบพระพุทธรูปปางเสด็จดาวดึงส์ และซากโบราณสถาน ในปัจจุบันยังคงมีกำแพงดินให้เห็นเป็นเขตแนวของเมือง สำหรับคูเมืองโดยรอบนั้นถูกขุดลอกทำลายเพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บน้ำสำหรับหมู่ บ้าน การเดินทางใช้เส้นทางสายอำเภอหนองฉาง-บ้านไร่ ทางหลวงหมายเลข 333 ผ่านบ้านทุ่งนา ทางแยกเขาตะพาบจนถึงบ้านเมืองการุ้ง ก่อนถึงอำเภอบ้านไร่ประมาณ 10 กิโลเมตร เมืองโบราณการุ้งจะอยู่บริเวณทางโค้งด้านซ้ายมือหลังศาลเจ้าแม่การุ้ง
เขาถ้ำตะพาบ
เป็นเขาลูกเล็กอยู่ในเขตตำบลวังหิน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 56 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 333 มีทางแยกขวาเข้าสู่ถ้ำอีก 3 กิโลเมตร ในบริเวณเดียวกันมีถ้ำอีกหลายแห่ง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยแปลกตา ทางด้านหน้าของถ้ำได้สร้างพระพุทธรูปและจัดเป็นสังฆาวาส ส่วนถ้ำที่อยู่ด้านหลังเลี้ยวขวามือเป็นถ้ำท้องพระโรง ถ้ำแก้ว ถ้ำปราสาท และถ้ำเรือ เป็นต้น หากเลี้ยวซ้ายจะพบทางออกด้านหลังซึ่งเป็นทางไปสู่ถ้ำลึกที่มีบันไดลงไปถึง ก้นถ้ำ ผนังภายในเป็นคราบหินสีและมีหินงอกหินย้อยระยิบระยับสวยงาม ตรงอุโมงค์หลังถ้ำมีหินรูปร่างคล้ายตะพาบ และเคยพบเครื่องมือหินสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ถ้ำทุกแห่งจะมีไฟฟ้าส่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าชม
วัดเขาวงพรหมจรรย์
ตั้งอยู่ตำบลวังหิน อยู่เลยวัดถ้ำเขาตะพาบประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในหุบเขา 2 ลูก คือเขาวงและเขาพรหมจรรย์ มีถ้ำสวยงามหลายถ้ำ เช่น ถ้ำเพชร ถ้ำแก้ว ถ้ำปลา ด้านขวามือมีชะง่อนหินสูงตั้งมณฑปขนาดเล็กและไหล่เขา สร้างอุโบสถสวยงาม บนเขาเคยมีฝูงลิงและนกยูงอาศัยอยู่
เขาวง
เป็นเขาขนาดใหญ่อยู่ในตำบลไร่ อยู่ห่างจากอำเภอ 12 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านสะนำ บ้านหินตุ้ม มีทางเข้าทางทิศใต้ ทางหนองใหญ่ ซึ่งขึ้นสูงชันและลาดทีละน้อย เส้นทางอ้อมโค้ง ทางเข้าทิศเหนือเป็นหน้าผาต้องไต่ไปตามซอกเขา ระยะทาง 500 เมตร บนเขามีที่ราบกว้างมีต้นไม้หลายชนิด เช่น ไม้ยาง ไม้มะค่า ไม้เสลา เป็นต้น มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่บ้าง สำหรับถ้ำมีหินงอกหินย้อยงดงามมาก บางถ้ำมีช่องเข้าถ้ำเป็นวงกลม
เป็นเขาที่อยู่ในตำบลบ้านไร่ ห่างจากตัวจังหวัด 71 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านสะนำ บ้านหินตุ้ม และเขาวง อยู่ห่างจากหมู่บ้านหินตุ้มประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่อยู่เหนือพื้นดินประมาณ 150 เมตร ภายในถ้ำมืดสนิทและมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก เช่น รูปเจดีย์ อ่างน้ำ ทางเข้าถ้ำอยู่บนไหล่เขาต้องเดินขึ้นไป บางถ้ำเป็นท้องพระโรง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ข้อมูลทั่วไป :
สืบเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และสัตว์ป่า จนเป็นที่ยอมรับของนักวิจัยชาวไทยและ ชาวต่างประเทศว่า เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่ มีความหลากหลายของพันธุ์สัตว์และพรรณพืช ดังนั้นในปี พ.ศ.2534 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งรวมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ นเรศวรจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกทางธรรมชาติของโลก โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมรดกโลก ในการประชุมครั้งที่ 15 ณ เมืองคาร์เถจ ประเทศตูนีเซีย
สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งตั้งอยู่ เชิงเขาหินแดง ริมห้วยทับเสลา ห่างจากตัวจังหวัดอุทัยธานีตามเส้นทางรถยนต์ 90 กิโลเมตร อาณาเขตของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งครอบคลุมท้องที่ตำบลระบำ ตำบลป่าอ้อ อำเภอลานสัก ตำบลทองหลาง กิ่งอำเภอห้วยคต อำเภอบ้านไร่ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และตำบลแม่ละมุ้ง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ 1,737,587 ไร่ หรือ 2,783.3 ตารางกิโลเมตร
การเดินทาง :การเดินทางจากอุทัยธานีสู่ป่าห้วยขาแข้งไปได้ 2 ทาง คือ
1. เข้าทางที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 90 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-ลานสัก ทางหลวงหมายเลข 3438 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 53-54 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตฯ ด่านตรวจเขาหินแดง ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยทับเสลา จากที่ทำการเขตฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปยังสถานีวิจัยเขานางรำ ระยะทาง 17 กิโลเมตร และหน่วยพิทักษ์ป่ากะปุกกะเปียง ระยะทาง 14 กิโลเมตร จากหน่วยพิทักษ์ป่ามีเส้นทางเดินป่าไปโป่งน้ำร้อนอีก 6 กิโลเมตร
2. เข้าทางหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได อยู่ทางทิศใต้ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ห่างจากตัวจังหวัดอุทัยธานีประมาณ 110 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-บ้านไร่ ระยะทาง 80 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าทางลูกรังผ่านบ้านใหม่คลองอังวะอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงด่านตรวจคลองระยาง ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี และหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได สามารถเดินป่าขึ้นล่องได้ทั้งด้านเหนือและใต้ของลำห้วยขาแข้ง
สิ่งอำนวยความสะดวก :การเดินทางไปศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จะต้องติดต่อขออนุญาตจากผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ หรือทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตู้ ปณ. 4 อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี 61160 เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพักแรมและเดินป่าในเส้นทางต่างๆ จะต้องติดต่อรายละเอียดกับทางเขตฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน สถานที่พักแรมบริเวณที่ทำการเขตฯ มีบ้านพักขนาดพักได้ 10-30 คน จำนวน 3 หลัง และอาคารฝึกอบรมขนาดจุ 80 คน
หมายเหตุ ปกติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุกแห่งมิได้เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ดังนั้น ผู้ที่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสผืนป่าแห่งนี้ได้ นับเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง และควรที่จะช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพดีดังเดิมไว้ตลอดไป โดยการปฏิบัติตามระเบียบและข้อแนะนำของเจ้าหน้าทุกประการ
ลักษณะภูมิประเทศ :โดยทั่วไปมีสภาพเป็นภูเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 200 - 1,650 เมตร เป็นต้นน้ำลำธารของลำห้วยหลายสาย ที่สำคัญที่สุด คือ ห้วยขาแข้ง ซึ่งไหลผ่านกลางพื้นที่และมีน้ำตลอดปี ทางซีกตะวันตกเป็นป่าทึบและภูเขาสลับซับซ้อน จึงก่อให้เกิดลำธารสั้น ๆ หลายสายไหลลงห้วยขาแข้ง ทางซีกตะวันออกมีลำห้วยที่ใหญ่กว่า ได้แก่ ห้วยไอ้เยาะ ที่มีต้นน้ำมาจากเขานางรำและเขาเขียว ห้วยแม่ดีเกิดจากเทือกเขาน้ำเย็น ไหลลงสู่ลำห้วยขาแข้ง และห้วยทับเสลา ซึ่งมีต้นน้ำไหลมาจากเทือกเขาในจังหวัดนครสวรรค์ เป็นแนวเขตธรรมชาติของเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าทางด้านตะวันออกและไหลผ่านที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลงสู่แม่ น้ำสะแกกรัง
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า :สภาพป่าส่วนมากยังสมบูรณ์ เนื่องจากไม่เคยผ่านการทำไม้มาก่อน บริเวณที่ลุ่ม ริมห้วยขาแข้งและห้วยใหญ่ ๆ เป็นป่าดงดิบชื้น ที่สูงขึ้นไปจะเป็นส่วนผสมระหว่างป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณ บางแห่งจะมีไผ่รวกขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ หรือกระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ บนยอดเขาสูงมาก ๆ จะเป็นป่าดิบเขา
ป่าห้วยขาแข้งเป็นป่าผืนใหญ่ที่มีเนื่อที่กว้างขวาง มีอาณาเขตบริเวณติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรที่เชื่อมโยง ไปถึงประเทศพม่า สัตว์ป่าสามารถหลบหลีกไปถึงกันได้ จึงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม รวมทั้งบางชนิดที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ได้แก่ วัวแดง กวางควายป่า ช้างป่า กระทิง เก้ง หมูป่า ลิง ชะนี ค่าง สมเสร็จ เสือชนิดต่าง ๆ นกยูง ไก่ฟ้า ไก่ป่า นกหัวขวาน และนกชนิดอื่น ๆ อยู่กระจัดกระจายทั่วไป ซึ่งสามารถเห็นตัวและพบร่องรอยอยู่เสมอ
จุดเด่นที่น่าสนใจ : ลำห้วยขาแข้ง
ได้ชื่อว่าเป็นลำน้ำที่มีความสวยงามตามธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ไทย เป็นลำน้ำสายใหญ่ให้น้ำตลอดปี นอกจากจะมีน้ำที่ใสแล้วบางตอนยังเกิดหาดทรายที่ขาวสะอาดทอดไปตามริมลำห้วย มีปลาชุกชุมมาก รวมทั้งสัตว์ป่าและสัตว์ปีกที่อาศัยอยู่ริมน้ำ ตอนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ บริเวณสบห้วยไอ้เยาะไหลลงห้วยขาแข้ง
น้ำตกโจน
เป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี เป็นส่วนหนึ่งของลำห้วยทับเสลาไหลผ่านช่องเขาแคบ ๆ และเปลี่ยนระดับฉับพลันก่อให้เกิดน้ำตกมีความสูงประมาณ 50 เมตร
วงตีไก่
เป็นปรากฏการณ์ประหลาดของธรรมชาติที่เกิดมีก้อนหินขนาดต่าง ๆ วางเรียงกันเป็นวง ๆ หลายวง มีชื่อทางเข้าคล้ายประตู 4 ด้าน
โป่งนายสอ
ตั้งชื่อตามชื่อพรานป่าซึ่งเสียชีวิตเพราะถูกแรดทำร้าย อยู่ทางฝั่งขวาของลำห้วยขาแข้ง ตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีน้ำซับตลอดปี จึงมีสัตว์ป่าชุกชุมมาก
โป่งพุน้ำร้อน
เป็นโป่งใหญ่อยู่ทางตอน เหนือทางฝั่งซ้ายของลำห้วยขาแข้ง มีบ่อ น้ำพุร้อนอยู่ใกล้ ๆ สัตว์ป่าโดยเฉพาะกระทิง วัวแดง และกวาง มีชุกชุมมาก
• ถ้ำหุบป่าตาด อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี การเดินทางไปหุบป่าตาด เข้าทางเดียวกับกับเขาปลาร้า อยู่ก่อนถึงเขาปลาร้าประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 พระครูได้ปีนลงไปในหุบเขานี้ จึงพบว่ามีต้นตาดเต็มไปหมด (ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) จึงเจาะถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าในปี พ.ศ. 2527 ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพราะที่นี่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกและมีพันธุ์ไม้หายาก ถ้ำที่เป็นทางเดินเข้าหุบป่าตาดนั้นมืดสนิท แต่เดินไม่นานจะถึงบริเวณปล่องขนาดใหญ่ที่แสงส่องลงมาได้และจะพบป่าตาด ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากต้นตาดแล้วที่นี่ยังพบไม้หายากพันธุ์อื่นๆเช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก เป็นต้น ในบริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบและยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเพราะมีเขาหินปูนสูงชันล้อมรอบ มีความร่มรื่นเหมาะแก่การเดินชมธรรมชาติ
เยี่ยมชมหุบป่าตาด
• Unseen in Thailand ที่หุบป่าบ้านตาด ซึ่งต้องลอดอุโมงค์ภูเขาเข้าไปเพื่อชมผืนป่ากลางหุบเขา ก็เป็นผืนป่าที่แปลกตาครับ ระหว่างที่ลอดอุโมงค์ มีค้างคาวอาศัยอยู่เยอะมาก และภายในหุบป่าก็มีนกให้ดูด้วย
• การเตรียมตัว ควรเตรียมไฟฉายและยาทากันยุงไปด้วย
เทศกาลและงานประเพณี
• งานตักบาตรเทโว วัดสังกัสรัตนคีรี ถือเป็นประเพณีสำคัญในวันออกพรรษาของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 (ตุลาคม) ของทุกปี พระสงฆ์ทุกรูปที่จำพรรษาในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานีประมาณ 200-300 รูป จะออกรับบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรัง นำด้วยพระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์ลงมารับบิณฑบาตข้าวสารจากพุทธศาสนิกชน ที่ลานวัด โดยสมมติมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังเป็น “สิริมหามายากูฎคาร” ที่พระพุทธเจ้า ทรงเทศน์โปรดมารดา แล้วเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ลงบันได 339 ขั้น ซึ่งถือเป็นบันไดแก้วสู่กัสนคร คือ บริเวณวัดสังกัสรัตนคีรี ในวันนั้นประชาชนจะแต่งกายสวยงามและมาร่วมทำบุญกันอย่างพร้อมเพรียง นับเป็นงานประเพณีที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกปี
• งานไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ วัด สังกัสรัตนคีรี เป็นงานท้องถิ่น จัดขึ้นในวันขึ้น 3-8 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี เป็นงานประเพณีไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ซึ่งเดิมนั้นเป็นงานนมัสการปิดทองพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาสะแกกรัง ในระยะหลังจึงจัดงานในคราวเดียวกันที่วัดนี้ในวันขึ้น 5 ค่ำ เนื่องจากเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มาไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์และ ขึ้นยอดเขาเพื่อปิดทองพระพุทธบาทจำลองมากที่สุด และได้จัดให้มีการละเล่นสนุกสนานควบคู่กันไปทุกปี
• งานประจำปีวัดหนองขุนชาติ อำเภอหนองฉาง โดยจัดให้มีงานในวันขึ้น 12 ค่ำ - วันแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เดิมเป็นงานนมัสการพระพุทธบาทจำลอง ต่อมาการจัดงานได้รับความนิยมมาก จึงได้จัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี
• การละเล่นพื้นเมืองที่บ้านท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จัดขึ้นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ คือระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน โดยชาวบ้านในหมู่บ้านท่าโพและหมู่บ้านพันสี จะมาร่วมกันจัดการละเล่นพื้นเมืองขึ้นที่วัดท่าโพ โดยจะเก็บดอกไม้แห่เข้าโบสถ์แล้วร้องเพลงพิษฐานในโบสถ์ เสร็จแล้วจะออกมาเล่นเพลงชักกะเย่อ เพลงโลม เพลงรำวงโบราณอย่างสนุกสนานแต่ละเพลงมีท่ารำประกอบเฉพาะ ผลัดกันเล่นมอญซ่อนผ้า เจี๊ยบๆ จ้อย ช่วงชัย เสือกินวัว และแม่ศรี ตามแต่จะแข่งขันกัน ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยที่รักษาไว้และปฏิบัติกันมาหลายชั่วอายุคน การละเล่นต่างๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่ยังคงเนื้อเพลงที่ร้องแบบของเดิมไว้
• การละเล่นของชาวกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ ยังคงรักษาประเพณีเดิมไว้ มีเต้นรำเชอโฮเตตามจังหวะ การร้องเพลงกล่อมลูก เป็นต้น ประเพณีการแต่งงานและการหย่าร้าง การนับถือผี งานบุญเจ้าวัด และการทอผ้าพื้นเมือง เป็นต้น ปัจจุบันยังสามารถศึกษาได้จากหมู่บ้านกะเหรี่ยง ตำบลคอกควาย และตำบลแก่นมะกรูด
• งานแห่เจ้าของชาวจีนในอุทัยธานี เป็นประเพณีของชาวจีนในอุทัยธานีที่จะจัดพิธีแห่เจ้าพ่อและเจ้าแม่ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามศาลต่างๆ โดยกำหนดมีงานตามการครบปีของเจ้าแต่ละองค์ ซึ่งบางองค์ 5 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ 12 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ 14 ปีแห่ครั้งหนึ่ง ไม่เหมือนกัน การแห่เจ้าพ่อปุงเถ่ากง เจ้าพ่อหลักเมืองอุทัยธานี จะมีขบวนสาวงามถือธงร่วมขบวนเป็นแถวยาวผ่านตลอดไปตามถนนรอบเมือง และจะมีสิงโตคณะต่างๆ ของชาวจีนในอุทัยธานีร่วมให้พรตามร้านค้าคนจีนในตลาด ซึ่งทุกร้านจะตั้งโต๊ะบูชาประดับด้วยงาช้างขนาดใหญ่สวยงาม ถ้าเป็นงานของเจ้าแม่ทับทิม “จุ้ยบ้วยเนี้ยว” จะมีพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงเจ้าแม่เมื่อครบ 12 ปี และเข้าทรงทำการลุยไฟด้วย
ช้อปปิ้ง ของฝาก
• หน่อไม้รวกเขาสะแกกรัง เป็นหน่อไม้จากต้นไผ่รวกที่ขึ้นบนเขาสะแกกรัง มีรสชาติหวานกรอบบรรจุใส่ขวดเพื่อเป็นของฝาก สามารถเก็บไว้ได้นานนับปี หน่อไม้หน่อสั้นสำหรับรับประทานกับน้ำพริก และหน่อยาวสำหรับใช้ประกอบอาหาร
• เห็ดโคนดอง เป็นเห็ดที่ขึ้นในป่าเขตอำเภอบ้านไร่และอำเภอทัพทัน มีเนื้อแน่นกรอบอร่อย แตกต่างจากเห็ดโคนที่อื่น และนิยมทำเป็นเห็ดโคนดองบรรจุขวด นำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
• ผ้าทอพื้นเมือง ผลิตกันมากในเขตหมู่บ้านโคกหม้อ อำเภอทัพทัน และหมู่บ้านลาวต่างๆ เช่น หมู่บ้านผาทั่ง หมู่บ้านสะนำ หมู่บ้านห้วยแห้ง หมู่บ้านทองหลาง ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอบ้านไร่ บ้านใหม่ ไทยอีสาน ที่อำเภอลานสัก
• เครื่องจักสานท่ารากหวาย เป็นภาชนะที่สานด้วยไม้ไผ่บนเกาะเทโพ ทำเป็นกระเป๋าถือ ตะกร้า กระบุง กระจาด ทุกรูปแบบได้รับความนิยมมากเพราะฝีมือประณีต นอกจากนี้ยังมีเครื่องจักสานทำจากผักตบชวา เช่น หมวก และกระเป๋า
• ข้าวเกรียบปลา และข้าวกุ้งกรอบ ผลิตจากกุ้ง และปลากรายแท้ๆ รสกรอบ อร่อย หวาน เค็ม ได้รสชาติของปลาและกุ้งจากธรรมชาติ
• น้ำปลาปลาสร้อยท่าซุง เป็นน้ำปลาปลาสร้อยแท้ซึ่งทำจากปลาสร้อยที่อยู่ในแม่น้ำสะแกกรัง โดยเฉพาะเขตตำบลท่าซุง เป็นน้ำปลาที่สะอาด มีกลิ่นหอม แต่ยังผลิตได้จำนวนไม่มากนัก
• ขนมกงหนองแก เป็นขนมหวานที่ผลิตจากหมู่บ้านหนองแกที่มีรสอร่อยหวานหอมตามตำรับเดิม ซึ่งมีชื่อเสียงดังคำกล่าวขานที่ว่า “น้ำยาน้ำทรง ขนมกงหนองแก” และทำขึ้นจำหน่ายวันต่อวัน
• ยาลมจีน เป็นยาลมจีนสูตรโบราณที่ผสมครบตามตำรา มีชื่อทั่วประเทศ ผู้ใหญ่ใช้ประจำครอบครัวเพราะได้ผลดี ตัวยาแรงมาก ขายเป็นขีดและบรรจุขวด ผลิตกันหลายยี่ห้อ
• ผลไม้แช่น้ำผึ้ง เป็นผลไม้แห้งผสมน้ำผึ้งที่เก็บไว้ได้นาน และรับประทานอร่อย มีทั้งมะม่วง กระท้อน มะเฟือง มะขาม พุทรา มะยม ส่วนที่นิยมกันมากคือมะม่วงแช่น้ำผึ้ง และมะขามแช่อิ่ม
• เมล็ดแตงโมอุทัยธานี มีทั้งเมล็ดแตงโมพันธุ์และเมล็ดที่คั่วปรุงรสใส่ถุง มีชนิดธรรมดาและชนิดใส่เนย
• กระยาสารท เป็นขนมหวานที่ต่างจากท้องที่อื่น เพราะนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสม ทำให้รสหวานหอมและกรอบอร่อย
• ส้มโอเกาะเทโพ เป็นส้มที่ปลูกบนเกาะเทโพ รสหวาน ส่งจำหน่ายที่ตลาดมโนรมย์จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
• ปลาลวก เป็นอาหารที่มีชื่อของอุทัยธานีสำหรับรับประทานกับข้าวต้ม ทำจำหน่ายที่ตลาดกลางคืน ใช้ปลาช่อนสดลวกน้ำร้อนผสมเครื่องปรุงมีรสอร่อย
• ปลาย่างอุทัยธานี เป็นปลาย่างที่ย่างอย่างถูกวิธี ที่นิยมคือปลาเนื้ออ่อน ปลากดย่างและรมควันอย่างโบราณ กลิ่นหอมน่ารับประทาน ราคาแพงกว่าที่อื่นเพราะทำอย่างดี หรือจะใช้วิธีซื้อปลามาแล้วจ้างให้ทางร้านย่างให้ก็ได้ ซึ่งนิยมย่างบนแพในแม่น้ำสะแกกรัง
• ปลาแรดสะแกกรัง เป็นปลาเลี้ยงในแม่น้ำสะแกกรัง ตัวโตขนาด 2 กิโลกรัม ใช้ทอดกรอบให้เหลืองกับกระเทียมพริกไทย รสอร่อยจิ้มน้ำปลามะนาว
• ปลาเทโพและปลาสวาย ใช้สำหรับนึ่งใส่เครื่องปรุง หรือจะใช้แกงกับหน่อไม้ทำปลาเจ่า มันปลาจะช่วยเพิ่มรสอาหารให้อร่อย
ร้านขายของฝาก ของที่ระลึก (รหัสทางไกล 056)
อำเภอเมือง
ฉัตรอุทัย 73 ถ.มหาราช โทร.511712 เปิด 06.00-19.00 น. (ข้าวกุ้งกรอบ ข้าวเกรียบปลากราย แคบหมู หนังปลา)
ผลไม้แช่อิ่มตั้งยู่ฮวด 561 ถ.นศรีอุทัยใหม่ โทร.511285 เปิด 08.00-17.00 น. (ผลไม้แช่อิ่มชนิดต่างๆ)
ไพพรรณ 391 ถ.ศรีอุทัย โทร. 511660 (ผลไม้แช่อิ่มชนิดต่างๆ ขนมปังสังขยา ขนมหวาน)
แม่ป่วยลั้ง 1 75 ถ.มหาราช โทร.511775 เปิด 06.30-20.30 น. (ข้าวกุ้งกรอบ ข้าวเกรียบปลากราย ข้าวตังหมูหยอง ข้าวตังหน้างา แคบหมู หนังปลา)
แม่ป่วยลั้ง 2 ถ.รักการดี หน้าโรงพยาบาลอุทัยธานี โทร. 513975 เปิด 08.00-20.00 น. (ข้าวกุ้งกรอบ ข้าวเกรียบปลากราย ข้าวตังหมูหยอง ข้าวตังหน้างา แคบหมู หนังปลา)
ร้านไหมแกมฝ้าย 50/3 ถ.รักการดี โทร. 512957 (ผ้าฝ้าย, ผ้าไหม, ผ้าทอพื้น, ผ้าจก, ผ้าใยกัญชา, ชุดสำเร็จตัดเอง)
อำเภอหนองขาหย่าง
กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยรอบ 37 ม.3 บ้านห้วยรอบ ต.ห้วยรอบ โทร. 513233 (ผ้าจก,ผ้าไหม)
กลุ่มทอผ้าตีนจกดงขวาง บ้านดงขวาง โทร. 597093, 597080 (ผ้าจก)
กลุ่มรวมใจพัฒนา ม.4 ต.หนองไผ่ (ไหมประดิษฐ์, ผ้าพื้น)
ศูนย์ฝึกอาชีพ ต.ห้วยรอบ ม.3 ต.ห้วยรอบ โทร. 513232 (ไหมประดิษฐ์, ผ้าพื้น)
อำเภอทัพทัน
กลุ่มทอผ้าบ้านโคกหม้อ 4/1 ม.2 บ้านโคกหม้อ ต.โคกหม้อ โทร.512957, (01) 953-2372 (ผ้าไหม)
กลุ่มทอผ้าแม่บ้านเกษตรกรโคกหม้อ ม.2 บ้านโคกหม้อ โทร.513189 (ผ้ามัดหมี่, ผ้าพื้น)
อำเภอบ้านไร่
กลุ่มทอผ้าไพจิตต์ 29 ม.3 บ้านนาตาโพ ต.บ้านบึง โทร. (01)971-0521, 953-2372 (ผ้าฝ้าย, ผ้าขิด, ผ้าจก)
กลุ่มทอผ้าบ้านทัพคล้าย 39 ม.2 บ้านทัพคล้าย ต.ทัพหลวง (ผ้าจก)
กลุ่มทอผ้าบ้านทัพหลวง 3 ม.1 บ้านทัพหลวง ต.ทัพหลวง โทร. 546128 (ผ้าจก, ผ้าฝ้าย, ผ้าไหม, ผ้าห่ม, ผ้าคลุมเตียง)
กลุ่มทอผ้าศรีนิน 73 ม.1 ต.บ้านบึง โทร. 546125, (01) 971-3622 (ผ้าจก,ผ้าไหม, ผ้าคลุมเตียง, ผ้าขาวม้า)
กลุ่มทอผ้าแม่บ้านเกษตรกรผาทั่ง 32 ม.2 บ้านผาทั่ง ต.ห้วยแห้ง โทร. 539157 (ผ้าจก, ผ้าฝ้าย)
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 056) | |
ททท. สำนักงานภาคกลางเขต 7 จ.ลพบุรี | 036-422-768-9 |
สำนักงานจังหวัด | 511-200 |
ไปรษณีย์จังหวัด | 511-097 |
สถานีขนส่งจังหวัด | 511-544 |
ตำรวจท่องเที่ยว | 1155 |
ตำรวจทางหลวง ส.ทล.3 กก.1 จ.นครสวรรค์ | 296-184 , 296-182 |
ตู้ยามเขาเขียว | 255-152 |
ตู้ยามน้ำอ้อย | 341-511 |
สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง | 511-055 |
รพ.อุทัยธานี | 511-584 , 511-081 |
รพ.ลานสัก | 537-000 |
รพ.สว่างอารมณ์ | 599-000 |
รพ.บ้านไร่ | 539-000 |
รพ.หนองฉาง | 531-141 |
รพ.ทัพทัน | 591-000 |
รพ.หนองขาหย่าง | 597-086 |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น